ไมโครซอฟต์แนะนำ Azure ฮีโร่ใหม่สำหรับวงการ Cloud Service

ไมโครซอฟต์แนะนำ Azure ฮีโร่ใหม่สำหรับวงการ Cloud Service

ไมโครซอฟต์แนะนำ Azure ฮีโร่ใหม่สำหรับวงการ Cloud Service
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

    ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ประกาศสานต่อการสนับสนุนวงการซอฟต์แวร์ไทย ตอกย้ำสถานะผู้ให้บริการคลาวด์เพียงรายเดียวในประเทศที่ให้การสนับสนุนคู่ค้าในทุกขั้นตอน เพื่อเสริมศักยภาพให้บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ หรือ ISV (Independent Software Vendor) สร้างสรรค์นวัตกรรมบนแพลตฟอร์มคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ (Microsoft Azure) ที่พร้อมรองรับทุกมาตรฐานเทคโนโลยี ทั้งยังทำงานสอดประสานกับซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซได้ราบรื่น มอบพลังพิเศษให้ลูกค้าสามารถรับมือได้ทุกความท้าทาย สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ พร้อมเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแข็งแกร่ง

     "ในโลกยุคโมบายและคลาวด์นี้ เทคโนโลยีได้เปลี่ยนให้ทุกสิ่งรอบตัวเรากลายเป็นแหล่งข้อมูลที่ทั้งมีปริมาณมหาศาลและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา" นางสาวศิริพร พัชรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว "หากเราพึ่งพาเพียงแค่ประสาทสัมผัสและการคิดวิเคราะห์ของมนุษย์ตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว เราคงไม่อาจทำความเข้าใจหรือนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้เลย ดังนั้น ไมโครซอฟท์จึงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคลาวด์อัจฉริยะ (Build the Intelligent Cloud) อย่าง ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ ขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังสำคัญและมอบพลังให้ผู้ใช้งาน ตั้งแต่ระดับบุคคลจนไปถึงระดับองค์กร เพื่อให้ทุกคนมีประสิทธิภาพและสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยพลังพิเศษนี้จะมอบให้กับผู้ใช้ผ่านทางผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) ที่รับบทบาทเป็นเสมือนซูเปอร์ฮีโร่ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยเปลี่ยนความท้าทายอันแสนซับซ้อนให้กลายเป็นปัจจัยสนับสนุนการทำงาน"

    ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจมากมายตลอดปี 2558 ที่ผ่านมา แต่ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติกลับระบุว่าธุรกิจซอฟต์แวร์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราสูงถึง 11.1% จนมีมูลค่ารวมกว่า 61,096 ล้านบาท และยังคาดการณ์อีกว่าตลาดซอฟต์แวร์จะขยายตัวขึ้นอีก 12.8% ในปี 2559 อัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่คึกคักในด้านการนำเทคโนโลยีโมบายและคลาวด์มาประยุกต์ใช้ โดยในปี 2560 องค์กรชั้นนำในประเทศไทยกว่าครึ่งจะใช้เทคโนโลยีดิจิตัลเป็นกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนธุรกิจ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน จึงถือเป็นโอกาสทองสำหรับกลุ่ม ISV ที่จะนำเทคโนโลยีหลักทั้งสองมาเป็นรากฐานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการในโลกยุคใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี

"การเสริมสร้างให้ ISV สามารถก้าวลงสู่ตลาดด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่มีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับความต้องการของผู้ใช้ในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้อุตสาหกรรมไอทีและเศรษฐกิจไทยก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน" คุณศิริพรกล่าวเสริม "เราได้รวบรวม ISV ในประเทศไทยที่ใช้งานเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์มาไว้บนเว็บไซต์ Microsoft ISV Solution Directory และ Microsoft Pinpoint ซึ่งเป็นเสมือนตลาดกลางให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อหาโซลูชั่นมาใช้งานได้ตรงตามความต้องการ โดยขณะนี้ เรามี ISV ถึง 200 รายที่ใช้งานระบบคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ จากที่มีอยู่ทั้งสิ้น 600 รายในตลาด"

    ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์เป็นผู้ให้บริการคลาวด์เพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนกับ ISV ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำทางเทคนิค การเปิดให้เข้าถึงเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการจับมือคู่ค้าเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ นอกเหนือจากเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว ไมโครซอฟท์ยังได้คัดเลือก ISV จำนวนหนึ่งให้เข้าร่วมโครงการ SMB Power Up Suite ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอโซลูชันและบริการให้กับลูกค้าทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ขณะที่ส่วนศูนย์นวัตกรรมไมโครซอฟท์ ที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็ได้ให้การสนับสนุนกับ ISV ไปแล้วกว่า 400 ราย ผ่านทางโครงการและกิจกรรมมากมาย

"ในแต่ละปี ไมโครซอฟท์จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุน ISV มากกว่า 50 ครั้งต่อปี โดยมีทั้งกิจกรรมทางการตลาดและเวิร์คช็อปด้านเทคโนโลยีในรูปแบบที่หลากหลาย ต่อเนื่อง เราต้องการสร้างโอกาสให้ ISV ไทยสามารถเติบโตสู่เวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง" นายเอกราช คงสว่างวงศา ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว "นอกจากนี้ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ยังสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ บิซสปาร์ค (Microsoft BizSpark) เพื่อเข้าถึงทรัพยากรสนับสนุนมากมายจากไมโครซอฟท์ ทั้งซอฟต์แวร์และเครื่องมือต่างๆ เครดิตสำหรับใช้งานคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ มูลค่าสูงสุด 4 ล้านบาทต่อปี พร้อมด้วยข้อแนะนำและคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญมากมาย"

    นายธีระชาติ ก่อตระกูล เจ้าของผลงานแอพพลิเคชัน StockRadars ที่ช่วยให้นักลงทุนในตลาดหุ้นสามารถวิเคราะห์และค้นหาหุ้นเด่นที่ตรงกับเงื่อนไขและความสนใจในการลงทุน ได้กล่าวถึงประสบการณ์ในการพัฒนาแอพพลิเคชันบนแพลตฟอร์มคลาวด์ของไมโครซอฟท์ว่า "ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ เป็นระบบคลาวด์ที่มีความแข็งแกร่งในด้านการประมวลผลข้อมูลในปริมาณมากๆ จึงเหมาะสมกับแอพ StockRadars ที่ต้องรับมือกับข้อมูลย้อนหลังในตลาดหุ้นเป็นเวลานานนับปี ส่วนในด้านการเก็บบันทึกบัญชีผู้ใช้ เราเลือกใช้ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล SQL Server ของไมโครซอฟท์ จึงทำงานเข้ากันกับอาชัวร์ได้อย่างไร้รอยต่อ ส่วนปัจจัยในด้านความยืดหยุ่นของระบบคลาวด์ก็ช่วยให้เราสามารถขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดในประเทศสิงคโปร์และอินโดนีเซียได้สำเร็จ โดยเรามีแผนที่จะขยายตลาดไปอีก 5 ประเทศในปี 2559 นี้"

    นายณัฐเศษ ศิรินันท์ธนานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Semantic Touch จำกัด ผู้พัฒนาระบบร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูป เบนโตะเว็บ (BentoWeb) กล่าวเสริมอีกว่า "ปัจจุบัน เบนโตะเว็บได้ขยายขอบเขตของธุรกิจให้ครอบคลุมบริการในหลายด้านมากขึ้น โดยนอกจากบริการระบบร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูปแล้ว ยังมีบริการถ่ายภาพสินค้าฟรี และบริการจัดเก็บและจัดส่งสินค้าอีกด้วย การตัดสินใจเลือกใช้ระบบคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ ทำให้ลูกค้าของเบนโตะเว็บมั่นใจในมาตรฐานด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเรา ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน และหนุนให้เราสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง ด้วยระบบที่รองรับการทำงานกับทุกแพลตฟอร์ม ทำงานประสานเข้ากับซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ซในส่วนอื่นได้อย่างราบรื่น ส่วนในแง่ธุรกิจ เราก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมรูปแบบต่างๆ กับไมโครซอฟท์เพื่อพบปะกับองค์กรทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งก็ถือเป็นการเปิดโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปในตัว"

    ส่วนนางสาว จูเลีย ลี ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ไซต์คอร์ ผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์บริหารจัดการประสบการณ์ลูกค้า กล่าวถึงประสบการณ์การใช้งานระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ว่า "ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ ช่วยให้เราสามารถพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบสนองความต้องการด้านการตลาดเชิงบริบทของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมทั้งการจัดการคอนเทนท์ วิเคราะห์ข้อมูล และการสื่อสารในระบบอัตโนมัติ จึงทำให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างประสบการณ้ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภคในทุกขั้นตอน ทั้งยังโดดเด่นด้วยการรองรับระบบไฮบริดคลาวด์แบบเต็มตัว และการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าให้ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ในฐานะ ISV ระดับโลกที่ร่วมงานกับไมโครซอฟท์มาอย่างยาวนาน เรามองว่าไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เป็นคู่ค้าชั้นเยี่ยมที่ให้การสนับสนุนกับเราเป็นอย่างดี ทั้งในด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ"

แพลตฟอร์มคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ มีศูนย์ข้อมูลที่ครอบคลุมถึง 19 ภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งถือว่ามากที่สุดในตลาด ทั้งยังรองรับการใช้งานในรูปแบบไฮบริด คลาวด์ ผสมผสานกับโครงสร้างพื้นฐานเดิมของระบบไอทีในองค์กรได้ตามความต้องการของผู้ใช้ นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ อาชัวร์ ยังเป็นระบบคลาวด์ที่เปิดกว้างและมีความยืดหยุ่นสูง รองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับทุกแพลตฟอร์ม ทั้งพีซี สมาร์ทโฟน เว็บแอพ และทุกมาตรฐานเทคโนโลยีชั้นนำ ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยมาตรฐานระดับโลกด้านความปลอดภัยของข้อมูล ในฐานะที่ไมโครซอฟท์เป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่ได้รับการยอมรับจากศูนย์ป้องกันข้อมูลของสหภาพยุโรป และผ่านการรับรองมาตรฐานด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ISO 27018 อีกด้วย


    ปิดท้ายด้วยความเห็นจากทีมงาน Sanook! Hitech มองเห็นว่าทุกวันนี้ Cloud Service ไม่ได้ไกลตัวอีกต่อไป แม้ว่า Azure จะเป็นผลิตผลระดับองค์กรและระบบข้อมูลขนาดใหญ่ แต่เชื่อเถอะครับว่าคุณ ๆ ก็ได้ใช้บริการนี้อย่างไม่รู้ตัว เช่นหนึ่งในผู้ใช้งาน Azure นั้น Buzzbee ซึ่งเป็นบริการสะสมแต้มที่อยู่ใน Samsung รวมถึง Galaxy Gift ที่หลายคนใช้กัน ก็ใช้บริการของ Microsoft Azure นี้เช่นกัน เห็นไหมว่าไม่ไกลตัวจริง ๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook