5 Start-up มาแรงของไทย มีอะไรใหม่ให้เราใช้

5 Start-up มาแรงของไทย มีอะไรใหม่ให้เราใช้

5 Start-up มาแรงของไทย มีอะไรใหม่ให้เราใช้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อ start-up ไม่ใช่แค่เป็น SMEs ปกติจะเป็นได้ ต้องเข้าคอร์สเล่นเกมการเงิน หาเงินจากทั้งการขายปกติและขายหุ้นให้พวกกองทุนทั้งหลาย ใครจะว่ามันกำลังสร้างฟองสบู่ก็เถอะ แต่ถ้าเข้าใจมัน อยู่ให้เป็น ก็สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติได้อักโข ดีกว่าให้บริษัทนี้ไประดมทุนแล้วกลายไปเป็นบริษัทสิงคโปร์ไปในที่สุด นอกจากสมองคนไทยเก่งๆ จะไหล เงินไม่เข้าประเทศ แถมเราไม่ได้ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ อีก

   จะว่าไปแล้วสถานการณ์ตอนนี้เรามีบริษัท start-up ที่ติดลมบนได้เงินทุนระดับซีรียส์ A ซีรียส์ B กันแล้ว พวกนี้เอ่ยชื่อไปคนก็รู้จักกันหมด อย่างเช่น อุ๊คส์บี เคลมดิ ฯลฯ แต่ก็มีอีกหลาย start-up ที่กำลังตามมาติดๆ และกำลังเป็นที่จับตาของสังคมแวดวงไอที และสังคมการเงินในระดับโลก ผมขอรวบรวมรายที่น่าสนใจ 5 รายที่คิดว่าในปีนี้พวกเขาจะมาแรง

   1. E-commerce เขาว่ามาแรง ช่วงต้นปีบรรดากูรู start-up ทั้งหลายต่างฟันธงว่าบริษัทที่ทำอีคอมเมิร์ชนี่จะรับทรัพย์และเป็นดาวเด่นของวงการในปีนี้ ความจริงแล้วอีคอมเมิร์ชบ้านเรานั้นเด่นมาหลายปีแล้ว มียักษ์ใหญ่ทั้งจากญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง อยากจะเข้ามาซื้อเว็บอีคอมเมิร์ชบ้านเราไปทำต่อกันทั้งนั้น เพราะพวกนี้จะเป็นตลาดของเจ้าถิ่น โอกาสที่จะเอายักษ์ต่างชาติมาสวมทันทีทำได้ยากมาก ตลาดไทยนี่เฉพาะจริงๆ แต่คุณพระ เจ้าตลาดคนไทยเหมือนรู้และไม่ยอมขาย ขณะเดียวกันรายที่ทำเรื่องใกล้เคียงก็ปรับตัวมาอีคอมเมิร์ชกันเต็มตัว start-up ที่ทุกคนจับตาคือ wong-nai ครับ วงใน นั่นเอง

   "วงใน" นั้นสร้างชื่อมาจากการเป็นการรีวิวอาหารผ่านแอพพลิเคชั่น เหมือนแอพฯดังหลายตัวในต่างประเทศ และมีคู่แข่งหลายรายขึ้นมาท้าชน แต่วงในก็สร้างตลาดและเข้าไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของแอพฯประเภทนี้ นั่นทำให้เขามีฐานผู้ใช้มากขึ้น จนทำให้สามารถจะเปลี่ยนฐานที่มีอยู่ไปเล่นมุมอื่นเพื่อนำไปสู่การค้าขายต่อไปได้ เราจึงจะเห็นว่า "วงใน" จะไม่ใช่แค่แนะนำร้านอาหาร แต่จะแนะนำเครื่องสำอาง และสินค้าขายดีอื่นๆ ตามมา ทำให้ในวงการเชื่อว่า วงใน นี่แหละจะเป็นดาวเด่นในอีคอมเมิร์ชแน่ปีนี้ และจะก้าวข้ามการระดมทุนจากซีรียส์ A ไปซีรียส์ B อย่างราบรื่น

    2. Fin-Tech ของใหม่ ที่ต้องจับตา มาเลยครับศัพท์คำนี้แรงมาก Finance Technology ที่บรรดานายแบงค์ทั้งหลายออกมาบอกกันว่า ใครมีดีมาเสนอเลยรับหมด ไม่มีกองทุนไหนสนับสนุนบอกแบงค์จัดให้ ครับหลังจากเสือนอนกินมานานแบงค์เพิ่งรู้ว่าหมดเวลานอนเฉยๆแล้ว ไม่งั้นโลกแห่งเทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกรรมการเงินจนหลายแบงค์ต้องปิดตัวไป เพราะตามไม่ทัน แต่ในบ้านเรายังมีไม่เยอะในวงการ start-up และยังสู้พวกขาใหญ่ในระดับโลกในหลายช่องทางไม่ได้ แต่เราก็เก่งกันหลายอย่างเหมือนกัน

   StockRadars คือหนึ่งใน start-up ที่เข้าสู่ซี่รี่ยส์ A จากแอพดูหุ้นค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นดูแล้วก็เทรดหุ้นได้ ถือว่าตัวนี้ครองตลาดเมืองไทยอย่างมาก และน่าจะอยู่กับเราไปอีกยาว ขณะที่แอพแนวเดียวกันที่แอบมากินตลาดอย่าง finomena รายนี้เขามาในบทบาทของ influencer เป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว แต่ละคนที่เข้ามาถือว่าเป็นคนเทรดหุ้นมือทอง มีใบอนุญาตพร้อม และที่สำคัญไม่ร้อนเงิน แบ็คข้างหลังนี่อย่างแน่น ถึงกับต้องจับตาอย่ากะพริบเลยทีเดียว

   3. จับคู่เปรียบเทียบ ต้องจริตคนไทย ครับอย่าว่าแต่คนไทยเลยทั่วโลกเขาก็นิยม เอาตั๋วเครื่องบินมาเปรียบเทียบราคาก็เป็นแอพนึง เอาโรงแรมมาเปรียบเทียบราคาก็แอพนึง เอาประกันมาเปรียบเทียบราคาก็แอพนึง เอาสินค้าทั่วไปมาเปรียบเทียบราคาก็แอพนึง สินค้าแต่ละตัวมีความยุ่งยากอย่างมาก เรียกได้ว่าถ้าขึ้นอันดับหนึ่งในแต่ละหมวดได้รับรองอยู่ได้ยาว

   ในหมวดนี้ผมขอนำเสนอ priceza ตัวนี้เข้าสู่ซีรียส์ A แล้ว อนาคตไปได้สวยอย่างมาก เพราะเอ็นจิ้นหรือองค์ประกอบต่างๆ มาดีมาก เปรียบเทียบสากกระเบือยันเรือรบ ครบอะบอกเลย และหลายคนเชื่อว่าพอครองตลาดได้ก็จะครองยาว รายอื่นจะแซงก็ต้องเก่งเฉพาะทางไปเลย

   4. แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง กลายเป็นสีเทาในบ้านเรา ช่วงนี้แอพประเภทนี้ถูกตั้งคำถามอย่างมาก กลายเป็นกระแสกลายเป็นข่าว ไม่ว่าจะเป็น grab หรือจะเป็น uber ช่องว่างวัฒนธรรมของแต่ละประเทศมันไม่เอื้อซึ่งกันและกัน ประเทศหนึ่งทำได้แต่ไปผิดกฎหมายอีกประเทศนึง ประเทศไทยก็เข้าข่าย ผมไม่ตัดสินว่าใครผิดใครถูก ใครจะอยู่ใครจะไปในเมืองไทย แต่ผมเชื่ออย่างนึงว่า กระแสการเอาเทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคมันเป็นภาวะที่ต้องเกิด

   ตัวนี้ผมไม่มอง Grab กับ Uber ที่แข่งกันเอาเป็นเอาตาย พวกนี้ผมถือว่ารายใหญ่แล้ว แต่ผมอยากให้ไปจับตามองตัวเล็กๆ ที่กำลังไต่ระดับอย่าง Skootar ที่หันมาจับเรื่องมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เน้นที่การจัดส่งเอกสารเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเพราะเกิดจากแนวคิดของคนไทยเอง เป็นแนวคิดที่ไม่หวือหวา แต่ทำให้เกิดจริงจังยากมาก ถ้าเกิดขึ้นระบบมอเตอร์ไซค์รับจ้างบ้านเราจะเป็นระบบ และไม่เกิดการเอารัดเอาเปรียบในช่วงเร่งด่วน หรือช่วงเกิดปัญหาทางด้านการขนส่งในบ้านเรา

   5. สุขภาพและการออกกำลังกาย มีที่ยืนให้เสมอ หมวดนี้ยักษ์ใหญ่ระดับโลกเดินเพ่นพ่านกันยั้วเยี้ยไปหมด บอกตรงๆ โอกาสที่ start-up ไทยจะสอดแทรกเข้าไปนั้นยากมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์บ้านเราจำนวนมากอยู่ในหมวดนี้ และครองตลาดเงียบๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    มีรายหนึ่งผมเปิดเผยชื่อไม่ได้ เป็น start-up ที่ได้เงินทุนระดับซีรียส์ A มาแล้ว โดยทำนาฬิกาดิจิตอลเหมือนกับ แอปเปิ้ลวอช หรือซัมซุง และแบรนด์ใหญ่ระดับโลก เคยคว้ารางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมในงานเทรดโชว์ระดับโลกมาแล้ว

    แต่ปีนี้ start-up รายนี้ได้ดีลกับโรงพยาบาลยักษ์ใหญ่ของไทยในการผลิตนาฬิกาสำหรับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อ คือเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ โดยจะเปิดตัวกับเบาหวานก่อน ใครที่ใส่นาฬิกาตัวนี้ก็ไม่ต้องมาเจาะเลือดหาค่าเบาหวานกันแล้ว เพราะจะมีเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจให้ตลอดเวลา ที่สำคัญข้อมูลนี้ส่งไปให้แพทย์ทันทีที่เกิดอาการผิดปกติ การซุ่มโป่งครั้งนี้จะช็อควงการ start-up อีกครั้งเลยทีเดียว

   บทสรุป start-up ปีนี้ก็เพียงแต่ขอให้เข้าใจและแยกแยะ start-up และ SMEs กันให้ชัดเจนจะได้สนับสนุนกันถูกทาง เพราะความต้องการของสองกลุ่มนี้ไม่เหมือนกัน อย่าเอา start-up ไปวัดด้วยเชิงปริมาณเด็ดขาด แล้วคุณจะเสียใจ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook