Samsung Innovator of the World กับการ ปฏิวัติโลกนวัตกรรม

Samsung Innovator of the World กับการ ปฏิวัติโลกนวัตกรรม

Samsung Innovator of the World กับการ ปฏิวัติโลกนวัตกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

    หนึ่งในแบรนด์ระดับโลกที่คิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เป็น “World’s First, World’s Best” มามากมายนับไม่ถ้วน  ทั้งโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน บริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ที่ปัจจุบันได้ผงาดขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของผู้นำด้านนวัตกรรมของโลกที่ได้พลิกหน้าประวัติศาสตร์การใช้ชีวิตของผู้คน ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำหน้าที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้น แบรนด์ที่ว่านี้ คือ “ซัมซุง”


ปฏิวัติโลกนวัตกรรม


    ซัมซุงจุดประกายแรงบันดาลใจและสร้างวิถีแห่งอนาคตด้วยความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น โดยซัมซุงได้ปฏิวัติโลกของโทรทัศน์ สมาร์ทโฟน อุปกรณ์อัจฉริยะสวมใส่ได้ แท็บเล็ต กล้องถ่ายภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน พรินเตอร์ อุปกรณ์การแพทย์ ระบบเครือข่าย เซมิคอนดักเตอร์ และ แอลอีดีโซลูชัน

นอกจากนี้ ซัมซุงยังเป็นผู้นำด้าน Internet of Things (IoT) รวมไปถึงสมาร์ทโฮมและอุปกรณ์ดิจิตอลทางการแพทย์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความพยายามกว่า 40 ปีของซัมซุง และกำลังเติบโตแผ่ขยายอาณาจักรไปสู่ 84 ประเทศทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค 15 สำนักงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) 36 แห่ง ศูนย์การออกแบบ (Design Center)  6 แห่ง โรงงาน 38 โรงงาน และมีพนักงาน 325,700 คน ทั่วโลก

ซึ่งทรัพยากรอันทรงคุณค่าเหล่านี้เองที่ทำให้ซัมซุงได้สร้างรายได้สุทธิต่อปีกว่า 196 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นความเติบโตด้านการเงินอย่างแข็งแกร่งแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกจะเป็นไปอย่างยากลำบาก    

ผู้นำนวัตกรรม “World’s First, World’s Best”


    นับตั้งแต่การคิดค้นโทรทัศน์หน้าจอขาวดำเครื่องแรกของซัมซุงที่ผลิตขึ้นในยุค 1970s ซัมซุงไม่หยุดที่จะพัฒนานวัตกรรม World’s First ใหม่ๆ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับอุตสาหกรรมและสร้างความตื่นเต้นให้กับคนทั่วโลกเสมอมา ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือเล่น MP3 เครื่องแรก โทรศัพท์มือถือจอสีเครื่องแรก โทรศัพท์มือถือที่มีกล้องหน้าเครื่องแรก สมาร์ทโฟนที่มีขอบจอโค้งเครื่องแรก สมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G LTE เครื่องแรก อุปกรณ์อัจฉริยะสวมใส่ได้ (Wearable Device) ที่มีหน้าจอโค้งเครื่องแรก ดิจิตอลทีวีและสมาร์ททีวีเครื่องแรก แอลอีดีทีวีเครื่องแรก โอแอลอีดีทีวีจอโค้งเครื่องแรก ทีวีหน้าจองอได้เครื่องแรก เป็นต้น

ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการวิจัยและพัฒนาที่ซัมซุงให้ความสำคัญอย่างมาก โดยลงทุนเม็ดเงินจำนวนมหาศาล คิดเป็นร้อยละ 6.8 ของรายได้ต่อปี รวมถึงใช้วิศวกรด้านวิจัยและพัฒนากว่า 63,000 คนเพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีแห่งอนาคตให้เกิดขึ้นจริง จนได้รับการจดสิทธิบัตรไปแล้วกว่า 1 แสนใบทั่วโลก

ความทุ่มเทของซัมซุงนี่เองที่ถูกการันตีด้วยการติดอันดับบริษัทที่ล้ำหน้าทางนวัตกรรมที่สุดในโลกอันดับ 5 โดย Boston Consulting Group และเป็นบริษัทที่ล้ำหน้าทางนวัตกรรมด้าน IoT มากที่สุดในโลกอันดับ 2 ในปี 2015

จับดีไซน์รวมกับนวัตกรรมสู่ผลิตภัณฑ์มาสเตอร์พีซ   
   

   ไม่ใช่แค่นวัตกรรม เรื่องของดีไซน์ก็เป็นสิ่งที่ซัมซุงให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่ยุค 1990s ที่ซัมซุงได้ริเริ่มผสมผสานนวัตกรรมการดีไซน์เข้ากับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในวันนี้ ซัมซุงมีแนวคิดที่จะออกแบบงานดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด “Make it meaningful” นั่นหมายถึงการผูกคุณค่าของดีไซน์เข้ากับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคด้วยการสร้างเทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายและสร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใช้

   โดยซัมซุงมีนักออกแบบกว่า 1,700 คนที่ทำงานอยู่ในศูนย์ออกแบบที่ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ทั่วโลก ได้แก่ ลอนดอน ซานฟรานซิสโก เซี่ยงไฮ้ โตเกียว เดลี และโซล 

Inspire The World, Create the Future

   เมื่อโลกหมุนเข้าสู่ยุคใหม่ ซัมซุงได้เดินทางภายใต้ร่มความคิด “Inspire The World, Create the Future” ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์หลัก โดยมีชื่อเรียกว่า Vision 2020 ถูกเปิดเผยขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2009 โดยซัมซุงมีเป้าหมายที่จะสร้างแรงบันดาลใจและเปลี่ยนอนาคตผ่านเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และดีไซน์อันล้ำหน้าที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก ซึ่งเป้าหมายนี้ตั้งขึ้นเพื่อบรรลุในปี ค.ศ. 2020

โดยมี 3 แกนหลักด้วยกัน คือ

1) วิสัยทัศน์ระดับอุตสาหกรรมในการเป็นผู้นำด้านการสร้างเทคโนโลยีใหม่เพื่อตอบโจทย์ตลาดและไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ

2) วิสัยทัศน์ระดับสังคมในการวางรากฐานความสัมพันธ์อันดีระหว่างซัมซุงกับกลุ่มผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรงและตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง และ 3) วิสัยทัศน์ระดับสถานทำงานในการบริหารจัดการและการฝึกอบรมพนักงานอย่างเป็นเลิศและการสร้างบรรยากาศการทำงานที่สร้างสรรค์และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

3) แกนหลักนี้ที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันซัมซุงให้ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ ทั้งมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในผลิตภัณฑ์ประเภท โทรทัศน์ สมาร์ทโฟนและโทรศัพท์มือถือ ตู้เย็น จอภาพขนาดใหญ่  (Large Format Display)  รวมถึง เมมโมรี่การ์ด และติดอันดับ 7 ของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก

โดย Interbrand และ อันดับ 13 ของ Fortune Global 500  บริษัทที่สามารถทำรายได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย ซัมซุงจึงกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สามารถขึ้นบัลลังก์ในฐานะผู้นำแห่งโลกเทคโนโลยีได้อย่างเต็มภาคภูมิ

เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกในปีนี้ ซัมซุงได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ใน 3 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน ได้แก่

1.    นวัตกรรมในกลุ่มธุรกิจจอภาพ  

ซัมซุงขึ้นเป็นผู้นำตลาดโทรทัศน์และจอมอนิเตอร์ด้วยการพัฒนาคุณภาพภาพและดีไซน์อันไร้กาลเวลา ครองตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดทีวีโลกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 จนกระทั่งปัจจุบัน ซัมซุงเป็นเจ้าแรกที่ได้บุกเบิกนวัตกรรมด้านจอภาพมาตั้งแต่ยุค 1970s แต่สำหรับใน ค.ศ. นี้ ซัมซุงเตรียมแนะนำนวัตกรรมด้านจอภาพล่าสุดที่จะพลิกประวัติศาสตร์การรับชมความบันเทิงบนจอทีวีในยุคใหม่ไปอย่างสิ้นเชิง

เริ่มตั้งแต่ เทคโนโลยี HDR Conversion และ HDR Calibration ที่จะทำให้ความต่างของสีโทนมืดและสีโทนสว่างนั้นชัดเจนกว่าที่เคยเพื่อเพิ่มอรรถรสสูงสุดในการรับชมความบันเทิงผ่านหน้าจอ หรือเทคโนโลยี Smart Hub ใหม่ ที่ทำงานบนระบบไทเซน (Tizen) ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ในการเสพเนื้อหาบันเทิงได้อย่างง่ายดายในจุดเดียว เป็นต้น

ซึ่งเทคโนโลยีล่าสุดทั้งหมดเหล่านี้ถือเป็นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม และจะถูกรวบรวมอยู่ใน ซัมซุง เอสยูเอชดี ทีวี รุ่นล่าสุดที่มีแผนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในเดือนมิถุนายนนี้

2.    นวัตกรรมในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

ซัมซุงมีความมุ่งมั่นที่จะมอบไลฟ์สไตล์อันพรีเมี่ยมให้กับผู้บริโภคทั่วโลก จึงสร้างสรรค์นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับทุกคนในบ้านให้ได้มากที่สุด ในปีนี้จึงมีผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่มาพร้อมนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตลาดเกิดขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็นซัมซุง ทวิน คูลลิ่ง พลัส, เครื่องปรับอากาศดีไซน์สามเหลี่ยม Samsung The Triangle รุ่นใหม่, เครื่องซักผ้าซัมซุง แอคทีฟ ดูอัล วอช, เครื่องซักผ้าซัมซุง แอด วอช และหุ่นยนต์ดูดฝุ่น PowerBot นอกจากนี้ยังมี ตู้เย็นซัมซุงแฟมิลี่ฮับ ตู้เย็นรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติ IoT

โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีพื้นฐานมาจากการศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เครื่องซักผ้าซัมซุง แอคทีฟ ดูอัลวอช ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ซัมซุงสร้างขึ้นเพื่อคนไทยจริงๆ เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มียอดขายเครื่องซักผ้าฝาบนมากที่สุดในโลก

ซัมซุงจึงเลือกที่จะสำรวจพฤติกรรมของคนไทย พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบนั่งยองขยี้คราบก่อนนำผ้าลงถังซัก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลัง จึงได้คิดค้นแผงขยี้ขจัดคราบก่อนซัก (Built-in Sink) ด้านบนของตัวเครื่องเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ เป็นต้น


นอกจากนี้ ซัมซุงยังเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่รองรับการทำงานบน Internet of Things เพื่อสร้างระบบนิเวศของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่สามารถสื่อสารกันเองได้เพื่อทำงานตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยรายบุคคลอีกด้วย ซึ่งซัมซุงเป็นหนึ่งในผู้นำที่รวบรวมเหล่าพันธมิตรในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีต่างๆ มากมายเพื่อร่วมกันพัฒนาสมาร์ทโฮมให้เกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้

3.    นวัตกรรมในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอที

ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 7 และ กาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ ที่สร้างยอดขายถล่มทลายทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ทำให้ซัมซุงมีกำไรเติบโตได้ถึงร้อยละ 10 คิดเป็น 5,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม ด้วยความสมบูรณ์แบบในแง่ของนวัตกรรมบนสมาร์ทโฟนที่ได้รับการกล่าวขานว่าล้ำหน้าที่สุดโลก ไม่ว่าจะเป็น กล้องทรงพลัง ความสามารถในการกันฝุ่นกันน้ำ ช่อง Hybrid Slot รองรับการใส่ซิมที่ 2 หรือ SD Card รวมไปถึงดีไซน์ที่เป็นขอบจอโค้งสองด้านในรุ่นเอดจ์ และความสามารถอื่นๆ อีกมากมายที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ซัมซุง การแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ยังได้รับรางวัลจาก Techradar MWC Awards ว่าเป็นโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุดอีกด้วย

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปีนี้ คือ เทคโนโลยีอัจฉริยะสวมใส่ได้ที่ซัมซุงได้เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มเทคโนโลยีนี้ให้เกิดขึ้นบนโลก ไม่ว่าจะเป็น Gear VR แว่นตาอัจฉริยะที่จะพาผู้ใช้เข้าสู่โลกแห่งความบันเทิงแบบ 4 มิติ โดยล่าสุดในประเทศไทยเองได้มีการจัด Gear VR 4D Theater โรงภาพยนตร์แบบ 4D ที่จำลองขึ้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมเนื้อหาต่างๆ ด้วยประสบการณ์เสมือนจริง พร้อมที่นั่งที่เคลื่อนไหวได้ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ ซัมซุงเชื่อว่าบริการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นเทรนด์ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ ซัมซุงจึงนำเสนอบริการ Samsung Pay ทำให้ประสบการณ์จับจ่ายซื้อสินค้าเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยผสานรวมเทคโนโลยีการส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กเพื่อความปลอดภัย (Magnetic Secure Transmission หรือ MST) และเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายระยะสั้น (Near Field Communication หรือ NFC) ช่วยให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย ปลอดภัยและแทบจะที่ไหนก็ได้ผ่านระบบจุดจำหน่าย ซึ่งตอนนี้ใช้ได้แล้วในสองประเทศ คือ เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศไทยต้องรออัพเดตเพิ่มเติมอีกครั้งในปีนี้

องค์กรที่เป็นพลเมืองที่ดีของโลก

ในฐานะที่เป็นองค์กรพลเมืองโลก ซัมซุงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถใช้เครือข่ายของซัมซุงทั่วโลกและนวัตกรรมอันล้ำหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นให้กับมนุษยชาติ เพื่อให้ผู้คนได้รับโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างอนาคตที่ดีขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปณิธานอันแรงกล้าของซัมซุงที่มุ่งมั่นมอบโอกาสให้เด็กและเยาวชนทั่วโลกได้เข้าถึงการศึกษาและได้รับโอกาสด้านการศึกษาที่ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีและโซลูชันต่างๆ ของซัมซุง จึงเกิดขึ้นมาเป็น โครงการต่างๆ มากมาย ทั้ง Samsung Smart School, Solve for Tomorrow, Samsung Tech Institute และ Samsung Nanum Village รวมไปถึงโครงการที่เกี่ยวข้องด้านการแพทย์ อย่าง Samsung Care Drive, Samsung SONO School และ Mobile Health Care Center

สำหรับซัมซุงในประเทศไทยซัมซุงได้เล็งเห็นถึงประเด็นทางสังคมที่มีความสำคัญและสามารถเข้าไปมีบทบาทได้ ประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ การศึกษา (Education) สิ่งแวดล้อม (Environment) การจ้างงานและการพัฒนาชุมชน (Employment & Community Development) และสุขภาพและการแพทย์ (Health & Medical) ซึ่งกิจกรรมเพื่อสังคมที่ซัมซุงได้ทำในปีที่ผ่านมามีหลากหลาย ได้แก่ โครงการซัมซุงสร้างพลังการเรียนรู้สู่อนาคต Samsung Smart Learning Center โครงการ ‘จุฬาฯ – ซัมซุง โซโน สคูล: โครงการพัฒนาศักยภาพการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงทางสูติศาสตร์ โครงการซัมซุง สานฝัน แบ่งปันเพื่อน้อง Samsung Make a Wish โครงการ ซัมซุง คัลเจอร์ คอนเน็ค (Samsung Culture.Connect)

และล่าสุดโครงการความร่วมมือการจัดการอาชีวศึกษาระหว่าง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กับ ศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคี - สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ Samsung Service & Tech Institute โดยแต่ละโครงการ ซัมซุงได้มีส่วนช่วยในการมอบเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างซัมซุงและสังคมทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่แท้จริง


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook