[พรีวิว] Panasonic Lumix GX85 และ TZ Series รุ่นใหม่ เน้นการถ่ายภาพและวีดีโอ 4K

[พรีวิว] Panasonic Lumix GX85 และ TZ Series รุ่นใหม่ เน้นการถ่ายภาพและวีดีโอ 4K

[พรีวิว] Panasonic Lumix GX85 และ TZ Series รุ่นใหม่ เน้นการถ่ายภาพและวีดีโอ 4K
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

    สำหรับเทคโนโลยีการถ่ายภาพหลายคนทุกวันนี้พยายามที่จะเลือกใช้เทคโนโลยีความละเอียดสูงอย่าง 4K เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ล่าสุด Panasonic ได้เปิดตัวกล้องสำหรับการถ่ายภาพ 4K จริง ๆ แล้วจะมีทีวีสำหรับความละเอียดสูงด้วย แต่ในบทความนี้ เราจะพูดถึงกล้องถ่ายภาพตระกูล Lumix เป็นสำคัญ ซึ่งครั้งนี้เปิดตัวพร้อมกันถึง 3 รุ่นได้แก่ Lumix  GX85, Lumix  TZ80 และ Lumix TZ110 ถ้าพร้อมแล้วมาดูรายละเอียดกันได้เลย

(TZ110)

(TZ80)

เริ่มจากตระกูลกล้อง Compact อย่าง Lumix  TZ 110 และ Lumix  TZ 80 กันก่อน ซึ่งเริ่มจำหน่ายไปสักพักแล้ว โดยรูปร่างนั้น ที่เห็นคือ Lumix TZ 110 ออกแบบได้เรียบหรูและเน้นการจับถนัดมือมากขึ้นกว่าเดิม การเก็บรายละเอียดทำได้ดี พร้อมกับด้านหน้ามีเลนส์ Leica ขนาด 25 - 250 มิลลิเมตร ซูมได้ 10 เท่า จาก Lei สามารถซูมผ่านวงแหวนได้ทั้งคู่ และตัวเครื่อง Lumix TZ 110 ทำจากอะลูมิเนียมอย่างดี

   ถ้าจะแยกออกว่า Lumix  TZ 110 และ Lumix  TZ80 จะแตกต่างกันตรงไหนคำตอบคือ ด้านหน้าของ TZ 80 จะมี Flash ติดอยู่บริเวณมือจับ แต่ TZ 110 จะเป็น POPUP Flash นั่นเอง และเลนส์ของ TZ80 จะซูมได้ 30 เท่า

   ด้านข้างซ้ายจะไม่มีอะไรนอกจากที่ร้อยสายห้อยคอ แต่ข้างขวามีช่องเก็บ Port แบบ Micro USB และ HDMI สำหรับการเชื่อมต่อข้อมูล

   ด้านหลังจะมีหน้าจอขนาด 3 นิ้วไม่สามารถพับหาตัวได้ แต่มีช่องมองภาพ Viewfinder มาให้ พร้อมปุ่มกดสั่งการทำงานต่าง ๆ ได้ทันที

(TZ110)

(TZ80)

   ด้านบนมีปุ่มปรับ Mode ปุ่มซูมภาพและชัตเตอร์มาให้ ความแตกต่างมีอยู่นิดหน่อยคือ TZ 80 ปุ่มเปิดกล้องจะเป็นแบบกด แต่ TZ110 จะต้องดันขึ้นทำให้มีความรู้สึก Feeling เป็นกล้องปกติมากกว่า

(TZ110)

(TZ80)

    ถ้าว่ารูปร่างเด่นแล้วอยู่ในเรื่องการถ่ายภาพโดยตรง นอกจากฟีเจอร์ที่พานาโซนิคใส่มาให้คุณย้อนเวลาและการโฟกัสว่าคุณจะเอาจุดไหนอย่าง Past Focus แล้ว ครั้งนี้ยังใส่ลูกเล่นใหม่สำหรับการถ่ายวีดีโอให้ได้ตื่นเต้นอย่าง 4K Cropping ซึ่งจะแบ่งออกเป็นการทำงานทั้งหมด 4 ฟีเจอร์ได้แก่

  • Past Panning สามารถเลือกจุดที่ต้องการให้กล้องสามารถแพนภาพได้เองโดยที่คุณมีหน้าที่แค่ตั้งกล้องให้นิ่ง โดยคุณสามารถตั้งเวลาได้ทั้ง 20 วินาที หรือ 40 วินาที นามรูปแบบของวีดีโอได้
  • Past Zooming การทำงานจะคล้ายกับฟีเจอร์เมื่อกี้ แต่จะเป็นการซูมเข้าไปหาวัตถุด้วยตัวกล้องเอง
  • Past Tracking จับวัตถุที่เคลื่อนไหวแค่กดแล้วกล้องจะ Pan ตามอัตโนมัติ
  • Past Stabilizer ระบบกล้องจะจับการเคลื่อนไหวตัวมันเองและให้การถ่ายภาพวีดีโอ หรือภาพนิ่งนั้นเนียนขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนั้นในเรื่องการถ่ายภาพ 4K มีการเพิ่มเรื่องของ Pre-Burst ทำให้กล้องมีการคำนวณก่อนการถ่ายภาพหลังจากที่กดชัดเตอร์ค้างแล้วปล่อย กล้องจะเก็บภาพต่อเนื่องให้คุณได้อย่างสะดวกอีกด้วย

    และขนาดเซนเซอร์ของรุ่น TZ110 มีขนาด 1 นิ้วรองรับการแสดงผลของภาพที่ดีขึ้นได้อีกด้วย ในขณะที่ TZ 80 จะได้แค่เรื่องการซูม ในขณะที่เซนเซอร์รับภาพเป็นแค่แบบเดียวกล้อง Compact ปกติทั่วไป

    ภาพรวมจากที่ได้ลองมานั้น การทำงานของฟีเจอร์จัดว่าดี แต่ถ้าใช้งานกับกล้องที่ลองในงานจะหน่วงไปหน่อยก็ตาม แต่คุณภาพที่ออกมานั้นลงตัวสำหรับการภาพทั้งระยะใกล้และไกลได้ค่อนข้างดี แถมน้ำหนักเบา เหมาะกับการขนไปเที่ยว แต่เสียตรงที่ไม่ช่องสำหรับต่อไมโครโฟนหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้

    ราคาของ TZ80 อยู่ ที่ 15,990 บาท และ TZ 110 อยู่ที่ 24,990 บาท แน่นอนแพงกกว่า TZ80 หน่อย ๆ แต่แลกกับประสิทธิภาพของมันนั่นเอง

อีกรุ่นที่พรีวิวนั่นคือ Panasonic Lumix GX85 ซึ่งเป็นกล้อง Mirror Less สำหรับมือโปรที่สนใจไม่น้อย

   เพราะรูปร่างของตัวกล้องนั้นลดขนาดลงจาก GX8 พอสมควร แต่ยังคงมีกลิ่นอายของ GX8 อยู่บ้างเล็กน้อย ด้วยข้างหน้าจะมีโลโก้ Lumix และเลนส์กับมือจับกล้องทำให้จับได้ถนัดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโลโก้ตัว L อยู่ข้างขวามือแอบหลบอยู่

    ด้านข้างฝั่งซ้ายจะมีแค่ช่องร้อยสายห้อยคอ แต่ฝั่งขวานั้นมีทั้ง NFC, ช่องเสียบชาร์จไฟ, และ HDMI ครบถ้วน

    ด้านหลังจัดเต็มพอสมควร มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Touch Screen ขนาด 3 นิ้ว ที่ปรับตั้งได้มากที่สุด 80 องศา ไม่สามารถพับเข้าหาตัวได้ พร้อมปุ่มควบคุมที่เยอะและอลังการตามประสาของ Panasonic ทุกรุ่น แต่ทั้งหมดออกแบบให้ใช้งานง่ายและยังสั่นงงานที่จอ Touch Screen ได้เช่นกัน

และยังมีช่องภาพแต่ไม่สามารถยกมาปรับระดับได้เหมือนกับ GX8

ด้านบนมีปุ่ม Shutter พร้อมกับปุ่มเปลี่ยน Mode ปุ่ม Dial สำหรับสั่งงานทั้ง 2 ปุ่มโดยอยู่ที่ Sutter และข้างล่างลงมาอีกชั้น และที่สำคัญที่สุดคือมี Flash มาให้ในตัว

คุณสมบัติเด่นของ Lumix G85 อยู่ที่เรื่องระบบการถ่ายภาพ โดยเฉพาะเรื่องระบบกันสั่น แบบ Dual IS การทำงานของกล้องนั้นสามารถจะกันภาพสั่นได้ทั้งในกล้องและตัวเลนส์(ที่รองรับ) จะทำงานประสานกัน ผลที่ได้คือ เวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อยถ้าถือกล้องอยู่ถ่ายภาพผลที่ได้คือกล้องจะนิ่งมากขึ้นและสามารถทำให้ภาพสว่างได้มากกว่า

นอกนั้นที่เหลือนั้นใส่ใสเหมือนกับ TZ110 และ TZ80 คือระบบการถ่ายวีดีโอแบบ 4K Cropping และ Past Focus นั่นเอง

จากทีได้ลองสั้น ๆ พบว่ากล้อง GX85 นั้นให้การตอบสนองการถ่ายภาพที่ดีพอสมควร ควบคุมง่ายกว่า GX8 น้ำหนักเบากว่า แม้ว่าจะไม่สามารถยก Viewfinder ได้ แต่การที่เพิ่ม Flash ให้ทำให้คนที่ต้องการกล้องขนาดไม่ใหญ่มากอย่าง GX8 คบหา GX85 ได้อย่างสบาย

โดยราคาเริ่มต้นของรุ่นนี้อยู่ที่ 25,990 บาท ไม่มีเลนส์ให้ ถ้าต้องการเลนส์ 12-32 มิลลิเมตร เพิ่มเงินไปที่ 29,990 บาท และเลนส์ Fix 20 มิลลิเมตรราคากล้องจะอยู่ที่ประมาณ 33,990 บาท ถือว่าไม่ได้โหดร้ายมากนัก

และสุดท้ายนี้นอกจาก Panasonic จะเปิดตัวกล้องแล้วยังมีเครื่องเสียง, หูฟัง, โทรทัศน์ Viera ให้ได้เลือกซื้อกันอีกด้วย ซึ่งสามารถดูได้จาก Gallery ด้านล่างนี้ครับ

อัลบั้มภาพ 168 ภาพ

อัลบั้มภาพ 168 ภาพ ของ [พรีวิว] Panasonic Lumix GX85 และ TZ Series รุ่นใหม่ เน้นการถ่ายภาพและวีดีโอ 4K

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook