ชายอเมริกันยื่นฟ้อง Apple ข้อหาลอกผลงานมาใช้ใน iPhone พร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า 3.5 แสนล้านบาท!

ชายอเมริกันยื่นฟ้อง Apple ข้อหาลอกผลงานมาใช้ใน iPhone พร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า 3.5 แสนล้านบาท!

ชายอเมริกันยื่นฟ้อง Apple ข้อหาลอกผลงานมาใช้ใน iPhone พร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า 3.5 แสนล้านบาท!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

    ชายอเมริกันยื่นฟ้อง Apple ข้อหาลอกผลงานมาใช้ใน iPhone พร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า 3.5 แสนล้านบาท! เจ้าตัวระบุเป็นผู้คิดค้นดีไซน์ และความสามารถของ iPhone, iPad และ iPod ได้ก่อน Steve Jobs ถึง 15 ปี!

(ภาพตัวเครื่อง Apple iPhone)

    ดูเหมือนว่าในช่วงนี้ Apple จะโดนโจมตีด้วยข้อกล่าวต่างๆ นานา และต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่บ่อยครั้งเลยทีเดียว และล่าสุดมีชายชาวอเมริกันผู้หนึ่งได้ยื่นฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจาก Apple ด้วยข้อหาลอกเลียนแบบ iPhone พร้อมกับอ้างว่าตัวเขาเองนั้นได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 หรือราวๆ 15 ปีก่อนหน้าที่ Apple iPhone จะเปิดตัวในปี ค.ศ. 2007

    ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Thomas S. Ross ได้อ้างว่า Apple นั้นลอกเลียนแบบดีไซน์ และลักษณะการทำงานของ iPhone, iPad และ iPod มาจากสิทธิบัตรฉบับหนึ่งที่เขาเคยออกแบบไว้เมื่อปี ค.ศ. 1992 หรือ ก่อนหน้าที่ iPhone รุ่นแรกจะเปิดตัวโดย Steve Jobs ถึง 15 ปี

    ซึ่งสิทธิบัตรของชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Electronic Reading Device ออกแบบด้วยการวาดมือ พร้อมระบุถึงความสามารถของอุปกรณ์ชิ้นนี้ว่าสามารถใช้งานเพื่ออ่านเรื่องราว ต่างๆ, ดูรูปภาพ หรือดูคลิปวิดีโอได้ด้วย พร้อมทั้งยังมีการใส่ชิ้นส่วนสำหรับการโทรศัพท์ และโมเด็มอินเทอร์เน็ตเข้าไปในอุปกรณ์ชิ้นนี้ด้วยเช่นกัน

    ด้วยเหตุนี้ Thomas S. Ross จึงยื่นฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจาก Apple เป็นจำนวนเงินกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท) ประกอบกับยอดขายอุปกรณ์ที่ละเมิดสิทธิบัตรดังกล่าวอีก 1.5% ด้วย

    แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Thomas S. Ross จะยื่นจดสิทธิบัตรดังกล่าวในปี ค.ศ. 1992 แต่ก็ถูกยกเลิกในปี ค.ศ. 1995 เพราะไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อรักษาสิทธิบัตรไว้ แต่เขาก็พยายามจะยื่นจดทะเบียนอีกครั้งในปี ค.ศ. 2014 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ซึ่งการฟ้องร้องในครั้งนี้เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาในหมู่ผู้ใช้อย่างมาก และต้องติดตามกันต่อไปว่าเรื่องราวระหว่าง Thomas S. Ross และ Apple จะลงเอยอย่างไร

ที่มา : Telegraph

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook