[รีวิว] Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016) สมาร์ทโฟนน้องใหม่ในซีรี่ส์ Galaxy J

เพิ่งจะได้ฤกษ์วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา สำหรับ Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016) หรือ Samsung Galaxy J7 (2016) รุ่นอัปเกรดของ Samsung Galaxy J7 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งจุดเด่นของซีรี่ส์ Galaxy J ก็คือ มีไฟแฟลชแบบ LED ที่กล้องด้านหน้านั่นเอง และในวันนี้ทีมงาน techmoblog ก็ไม่รอช้ารีบไปคว้ามารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันเช่นเคยครับ

ในส่วนของสเปคทั่วไป Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016) หรือ Samsung Galaxy J7 (2016) มาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.6 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ความจุ 3300 mAh, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับ 4G LTE และรองรับ NFC เรียกได้ว่าฟังก์ชันการใช้งานครบครันทีเดียว โดยเปิดตัวที่ราคา 8,900 บาท ครับ

สำหรับ Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016) รุ่นอัปเกรดนี้ จะมีความน่าสนใจและแตกต่างจากรุ่นที่แล้วแค่ไหน มาชม รีวิว Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016) ไปพร้อม ๆ กันกับทีมงาน techmoblog ได้เลยครับ

สเปค Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016)

• หน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล
• หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.6 GHz
• หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB
• หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 128 GB
• กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
• แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 3300 mAh
• ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 (Marshmallow)

>> สเปค Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016) อย่างละเอียด คลิกที่นี่

รีวิว Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016) : ดีไซน์ และการออกแบบ

ดีไซน์ภายนอกของ Samsung Galaxy J7 Version 2 (2016)ดูเผิน ๆ แทบไม่ได้แตกต่างจากรุ่นปีที่แล้วมากนัก โดยมีขนาดหน้าจอขนาดเท่าเดิมคือ 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล แต่โดดเด่นที่กรอบตัวเครื่องแบบโลหะที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับตัว เครื่อง และยังทำให้ดีไซน์ดูสวยงามยิ่งขึ้น ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 169 กรัม เบากว่ารุ่นปีที่แล้วเล็กน้อยจนแทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลย

ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วยกล้องดิจิทัลด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพเซลฟี่ ปรับหน้าเนียน เพิ่มบิ๊กอาย และปรับหน้าเรียวได้, ลำโพงสนทนา, เซ็นเซอร์ต่าง ๆ และไฟแฟลชแบบ LED

ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีเพียงปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับระดับเสียง

ด้านบนของตัวเครื่อง มีเพียงเส้นเสาอากาศให้เห็นลาง ๆ ส่วนด้านล่างมีพอร์ต microUSB และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านหลังตัวเครื่อง เป็นหนึ่งในจุดที่ได้รับการอัปเกรดโดยมีการปรับดีไซน์เล็กน้อย ฝาหลังมีลวดลายโลหะขัดลาย (Brushed Metal) มีการสลับตำแหน่งระหว่างลำโพงเสียง กับไฟแฟลช โดยดีไซน์ของลำโพงเสียงกับไฟแฟลช LED ก็ได้รับการออกแบบใหม่เช่นกัน ส่วนโลโก้ Samsung มีลักษณะนูนขึ้น ต่างกับรุ่นปีที่แล้วที่สกรีนเรียบไปกับพื้นผิว กล้องด้านหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ภายในบรรจุแบตเตอรี่ขนาด 3300 mAh เอาไว้ สามารถถอดแกะฝาหลังได้

บทความรีวิวโดย : techmoblog.com