พาสัมผัสเทคโนโลยี 5G จาก Ericesson มาเหนือเพื่อชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น

พาสัมผัสเทคโนโลยี 5G จาก Ericesson มาเหนือเพื่อชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น

พาสัมผัสเทคโนโลยี 5G จาก Ericesson มาเหนือเพื่อชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ทีมงาน Sanook! Hitech ได้รับเชิญจากอิริคสัน ผู้ผลิตระบบเครือข่ายการสื่อวารมากว่า 141 ปี และประกอบกับปีนี้ครบรอบ 111 ปีในประเทศไทย สิ่งที่อิริคสันนำมาจัดแสดงในวันนี้คือ เทคโนโลยี 5G ที่คาดว่าจะได้ใช้ในอนาคตอันใกล้นี้

สำหรับเทคโนโลยี 5G ที่ Ericesson นำมาแสดงให้เห็นนั้นมีลักษณะที่ขนาดเล็กลงกว่าระบบเครือข่ายแบบเดิม ๆ ที่เคยเห็นมา และเน้นไปที่การใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงระดับ 6 Gbps เลยทีเดียว และยังมีข้อดีคือ ลดอาการกระตุกและค้างระหว่างโหลดข้อมูล รวมถึงใช้งานได้หลากหลายคนและมีการติดตั้งได้ทั้งใช้อยู่กับที่หรือ ใช้งานในด้านเคลื่อนที่ก็ได้

ผลดีขนาดนี้ทำให้นอกจากใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้แล้วยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ประเภท Internet Of Thing ได้หลากหลายที่นำมาจัดแสดงด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • 4K Streaming เปิดแล้วราบรื่นได้ และสามารถใช้งาน CEO conference ทำได้รวดเร็งและไร้อาการกระตุกได้
  • ระบบวางแผยการเดินทางด้วยการบอกตำแหน่งรถประจำทาง

  • ระบบ Smart Parking จะระบุว่าที่จอดรถที่ไหนว่างและเราเข้าไปจอด โดยเราสามารถสั่งจองที่จอดได้ แต่สัญญาณจะถูกลดทอนตามความลึก แต่ NB IOT จะกระจายได้ลึกกว่า แถมมีสิทธิ์ใช้ในประเทศไทยในอนาคต

  • ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถบรรทุก Scaniaที่ต้องใช้ระบบ 5G ที่แม่นยำ ประโยชน์ที่ได้คือ ประหยัดน้ำมัน และจัดการมลพิษได้ดี เพราะต่อเป็นขบวน ลดแรงเสียดทาน สามารถ หลีกเวลาเร่งด่วน วิ่งเวลากลางคืน ทำให้การขนส่งไปเรื่อย ๆ ได้ เน้นความปลอดภัยบนถนนและ ลดอุบัติเหตุบนถนน

  • ออฟฟิศ อัจฉริยะที่สามารถบอดข้อมูลการใช้ห้องประชุมหรือพริ้นเตอร์ รวมถึงระบุช่วงเวลาใช้งานต่าง ๆ ได้เป็นต้น

แม้ว่าทุกสิ่งที่พูดมานั้นอาจจะดูไกลตัวไปแต่ก็อำนวยความสะดวกได้ไม่มากก็น้อย และนอกจากนี้ในงานยังมีการกล่าวเรื่อง Thailand 4.0 โดยคุณ ฐากร ตันฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ซึ่งมาพูดให้เห็นภาพของเมืองไทยกับสังคม ดิจิตอลให้เห็นภาพมากขึ้น

โดย กสทช จะพยายามให้คนไทยสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้ได้ครบทุกคนในประเทศภายในปี 2561 และนอกจากนี้ยังมีการจัดประมูล คลื่นความถี่มากมายไม่ว่าจะเป็นคลื่น 2600MHz, คลื่นความถี่ 700MHz และ คลื่นความถี่ 1800MHz ที่เป็นระบบสัมประทานเดิมเมื่อรวมกับคลื่นความถี่ปัจจุบัน 420MHz จะทำให้ในปี 2563 จะมีการใช้งานคลื่นความถี่ 800MHz ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดของ ITU เล็กน้อย

ดังนั้นเมื่อคลื่นมีเยอะขึ้นการกระจายความเจริญผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง นั้นจะเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะหลายภาคส่วนจะต้องปรับตัวให้ทันไม่ว่าเป็น ด้านธนาคาร, ด้านการค้า, ด้านการศึกษา, การแพทย์ และรวมไปถึงการท่องเที่ยว ซึ่งจะเห็นได้จากเวลา 3 ปีนับจากนี้ไป

ซึ่งอาจจะเกิดธุรกิจที่เน้นทำให้ท้องถิ่นผ่านการทำ Startup และทำให้คนลดการทำงานในเมืองลดลง กระจายไปสูงชนบทมากขึ้นนั่นเอง

และนอกจากนี้ กสทช กับ กระทรวง เศรษฐกิจ ดิจิตอล ได้มองเห็นถึง 3 P ที่จะทำให้เกิดการปรับตัวที่รวดเร็วได้แก่

  • People คนจะต้องเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีและปรับตัวอยู่ร่วมกันให้ได้,
  • Platform การเข้าใจในการทำงานบนระบบออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือร้านค้าออนไลน์  
  • Product การปรับตัวเรื่องการผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ออนไลน์

เรียกได้ว่าให้ภาครัฐมาส่งเสริมอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ คนไทยก็อาจจะต้องเรียนรู้แล้วปรับตัวในการที่จะอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีไปได้ถึงจะดีที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook