เผย 5 สุดยอดบริษัท Digital ที่คนไทยอยากทำงานมากที่สุด

เผย 5 สุดยอดบริษัท Digital ที่คนไทยอยากทำงานมากที่สุด

เผย 5 สุดยอดบริษัท Digital ที่คนไทยอยากทำงานมากที่สุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ทีมงาน Sanook! Hitech พามางานเสวนา กับ 5 บริษัท Digital (Tech Company) ในไทย อย่าง LINE, Kaidee, Pantip, Wongnai และ Tencent ประเทศไทย(ชื่อเดิมคือ Sanook!) ที่ได้รับการจัดอันดับจาก Nida Poll ว่าน่าทำงานที่สุด มีเหตุผลอะไรและมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้างมาดูกัน

โดยการสำรวจนี้ จัดโดย Nida เผยว่า ที่มาของการสำรวจครั้งนี้ เกิดจาก กระแสของ Thailand 4.0 นั้นทำให้พูดถึงเรื่องของ Digital, AI, Internet Of Thing ซึ่งจะต้องให้คนเป็นคนนำพาไป โดยรัฐบาลพยายามทำให้เกิดการขับเคลื่อนด้วย นวัตกรรม ซึ่งสถานที่ทำงานก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้คนรุ่นใหม่ต้องการสถานที่ทำงานที่ตอบรับด้านนี้ โดยผลสำรวจนั้น 57.71% เป็นเพศชาย, 42.29 เป็นผู้หญิง และเน้นกลุ่มอายุ 21- 25 ปี เน้นกลุ่มของ ปริญญาตรี ผลสำรวจบอกว่า 5 บริษัทแรกได้แก่

  1. Line 65.69%
  2. Kaidee 50.80%
  3. Pantip 45.74%
  4. Wongnai 38.83%
  5. Tencent (Sanook!) 37.23%

โดยคนสำรวจต้องการมีในที่ทำงานในฝันได้แก่จัดอันดับดังนี้

  1. Corner bar บาร์เครื่องดื่ม 54.26%
  2. โซนพักผ่อน Quiet Zone 52.93%
  3. โซนบันเทิง Enterment Zone 49.47%
  4. Cafe หรือมุมกาแฟ 47.07
  5. และโซนกิจกรรมเช่นลู่วิ่ง หรือ ปิงปอง 41.76%

นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นว่า สำหรับคนที่คิดเห็นเกี่ยวกับ Dream Office หรือที่ทำงานในฝัน ซึ่งผลประกอบว่าบางคนยังไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า และบางคนที่เรื่องการโปรโมทของ Dream Office ว่า มีไม่แน่ว่าจะโปรโมทร้อยว่า 73.14% แต่สำหรับคนที่โปรโมท มีกว่า 26.86%

ซึ่งการผู้คุยในครั้งนี้ประกอบไปด้วย คุณอริยะ พนมยงค์ จาก Line, คุณทิวา ยอร์ค จาก Kaidee, คุณอภิศิลป์ ตรุงกานนท์จาก Pantip, คุณยอด ชินสุภัคกุล จาก Wongnai และ คุณกฤตธี มโนลีหกุล จาก Tencent ประเทศไทย 

ซึ่งทาง Line ได้เผยว่าเกิดจากความภูมิใจที่ติดอันดับ 1 ใน  5 ซึ่งเมื่อก่อนถ้าพูดถึง Tech ต้องมุ่งหน้าไปอเมริกา แต่ทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงทำให้เอเชียเริ่มเกิดมาแล้ว โดยเฉพาะในเมืองไทย ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นจะต้องเกิดจากการไปอเมริกาได้

ส่วนทางขายดีได้มองว่า อยากสนับสนุน Digital Company ให้เกิดและทางขายดีก็ให้เกิดการสนับสนุนคนที่ทำงาน ให้สามารถตอบโจทย์ได้ กับโลกติจิตอล ให้คนไทยมีพื้นที่ยืนบนโลกของอากาศ (Digital)

ในด้าน Pantip เอง ที่เป็นสังคมออนไลน์แห่งแรก ๆ ของคนไทย ก็ถือว่าแปลกใจและภูมิใจเพราะ Pantip เป็นของคนไทย และก่อตั้งของคนเราเองขึ้นมา ซึ่งเห็นบริษัทอื่นที่มีอายุพอกันล้มหายไปเยอะ เลยทำให้อนาคตจะพัฒนาและเรื่องมีการคิดเรื่องการแก้ไขปัญหาของสังคมที่ขาดนวัตกรรมได้ ซึ่งทำให้อาจจะมีบริษัท ที่เจ๋งหรือเจ๋งกว่าเราได้ เป็นต้น

จาก Wongnai ถือว่าเป็น Startup คนไทยที่มีคนอยากทำงานมากที่สุด เรียกได้ว่าเมื่อเทียบกับคนก็อยากเข้ามาทำงาน ตามยอดการใช้งานของ Apps 

 

และ Tencent ประเทศไทย ที่ชื่อเดิมคือ Sanook! ที่มีการบอกว่าถ้าอยู่ตลาดหลักทรัพย์อื่นจะมีแต่ Tech Company แต่สำหรับในไทยมีน้อยอยู่ ทำให้เด็กรุ่นใหม่เห็นและสนใจที่จะสร้างอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งความจริงไม่ต้องรอถึง 18 ปี ให้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ขึ้นมา

ส่วนเรื่องการทำงานของในของบริษัท Digital Company ที่คนรุ่นใหม่ชอบนั้น ทาง Wongnai คนรุ่นใหม่ชอบทำงานที่ไหนก็ได้เพราะเป็นการทำงานออนไลน์ และมีความยืดหยุ่น ทำงานได้ตลอดเวลา แต่สำหรับการตอกบัตร นั้นเป็นเรื่องไม่จำเป็น ทำให้นั่นคือความสุขของคนทำงาน 

นอกจากนี้ คุณทิวา กล่าวว่าการทำงานที่สำคัญคือความคิด และเกิดไอเดีย ทำให้เกิดมีการคิดในการทำงาน โดยทำให้เกิดการสร้างบรรยากาศการทำงานเกิดแรงกระตุ้น และการนำมาใช้กับงานมากน้อยแค่ไหน

แต่การเปลี่ยนแปลงของอุตสากรรมนั้น Pantip เผยว่า 20 ปีที่ผ่านมาเกิดเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และในยุคเริ่มต้นนั้นมีตลาดน้อย และยอดเงินทาง Digital มีน้อย ทำให้คนเข้ามานั้นน้อย แต่อุตสากรรม Tech เริ่มโต ทำให้ทุกสิ่งอย่างเริ่มมีเติบโต ทำให้คนเริ่มเทเข้ามา จนทำให้คนขาดแคลน เพราะผลิตไม่ทัน ทำให้เกิดเจอปัญหา โดยบางที่ใช้เรื่องการเทรนความรู้ แต่ที่ขาดหนักสุดคือ โปรแกรมเมเอร์ที่มีคนน้อย ซึ่งทำให้เกิดการผลิตเทคโนโลยีในไทยน้อยกว่านำเข้า ซึ่งปัญหานี้แก้ยาก แต่ต้องแก้ เพราะไม่แก้ 10 ปีข้างหน้าจะลำบาก

และทางด้าน Tencent (Sanook!) มองว่า ในเรื่องขอบบุคลากรจะต้องหาคนที่เรียนรู้และค้นคว้าความรู้ได้ แต่สำหรับตอนนี้ไม่ได้ทำแค่ Sanook.com อย่างเดียว แต่มีอย่างอื่นเช่น JOOX, TopSpace หรืออื่น ๆ เป็นต้น ทำให้จะต้องหาคนที่ต้องทำด้านนี้ เช่นการหาคนที่ทำ JOOX ที่จะต้องรู้เรื่องเพลง ถือว่าเป็นฟันเฟืองสำหรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม

 

การเติบโตในช่วง 2 - 3 ปีของ Startup นั้นจะเป็นผลักดันให้อุตสากรรมเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ทางคุณยอดจาก Wongnai นั้นเผยว่า Tech Startup คือการใช้ Tech ในการเติบโต ซึ่งมีความเสี่ยงมากที่สุด มุมมองเหล่านี้สำคัญมาก เพราะการคิดถึงเรื่องของมีความพยายามสูง และกล้าที่จะเสี่ยง เพื่อให้เกิดการเติบโตสูง โดยไม่จำเป็น Startup ที่ประสบความสำเร็จอาจจะเติบโตได้ 1 ใน 1,000 ราย แต่สามารถเป็นตัวอย่างโดยการ Set ให้เทคโนโลยีในเรื่องของการเติบโตได้ง่าย

นอกจากนี้ทาง Line ได้เผยว่า ในยุคนี้คุณไม่สามารถไม่เข้าใจเทคโนโลยีได้อีกแล้ว เพราะวงการนั้นเติบโตมากแล้ว ซึ่งถ้าวงการนี้ CEO ไม่รู้เรื่อง Tech มักจะอยู่ไม่รอด เพราะ ทุกบริษัท Tech เริ่มเป็นที่รู้จักแล้ว อาจจะกลืนกินของบริษัทที่ไม่ปรับตัวให้หายไป

ซึ่งในเวลา 6 ปีที่ผ่านมา Line เป็นบริษัทที่มาที่หลังคนอื่น แต่สิ่งที่อยู่ได้เพราะ นวัตกรรม อย่างเช่นการนำ Sticker มาใช้ในเรื่องของการสนทนา หรือ Pantip ที่ใช้ในเรื่องของการทำห้องสนทนาที่รู้จักกันและทำให้เกิดการเติบโตในไทยได้ ซึ่งถ้าเราจะเป็นผู้นำ จะต้องกล้าที่จะเสี่ยงและทำสิ่งที่ใหม่ เพราะ Line มีนอกเหนือจากการสนทนา แล้วยังมีรูปแบบอื่น ๆ ทำให้หยุดไม่ได้และไม่ประมาท และต้องคิดในเรื่องอนาคตของนวัตกรรมอย่างมากคือ 3 ปี เพื่อให้เกิดการเติบโตกันต่อไป แต่ทั้งหมดนี้จะต้องตอบโจทย์กับผู้ใช้งานต่าง ๆ และไม่ควรดูถูกบริการที่ไม่มีรายได้ เพราะอนาคตอาจจะดังขึ้นมาก็เป็นได้

นอกจากนี้คุณทิวาเผยว่า ถ้าเสี่ยงแล้วควรจะได้ดีแล้ว และกล้าที่จะผิดพลาด เพราะจะทำให้เป็นบทเรียนที่เรา เพราะจำทำให้เกิดสิ่งที่ดีกว่า และทำไมถึงพูดถึง 5 บริษัท Tech ให้เข้าใจถึงรูปแบบเข้าใจของเรา

ทั้ง 5 บริษัทนั้นมีความต้องการคนเข้าร่วมงานที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น

Tencent ประเทศไทยต้องการคนที่่หลากหลายเพราะเป็นธุรกิจที่ของทาง Tencent มีหลากหลายผลิตภัณฑ์ ที่ตอบโจทย์ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเมอร์ หรือ System ยันไปจนถึงคนเขียน Content หรือคนทำเกี่ยวกับเรื่องเพลง 

Wongnai ต้องการโปรแกรมเมอร์เพราะตอนนี้การทำงานหลัก ๆ มันโตเร็วทำให้เกิดการค้นหามากขึ้น

Line ต้องการคนที่เป็นนักพัฒนาแต่มีอาจจะต้องการหัวนักธุรกิจ อย่างเช่น Head Of Sticker ซึ่งเป็นการสร้างงานในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน และ ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบการเปลี่ยนแปลงจะไม่เหมาะกับวงการนี้ เช่นการเข้ามาในบริษัทเหล่านี้ จะต้องมีแนวคิดและมีไอเดีย ไม่ใช่การบอกกล่าว ด้วยธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น ให้ CEO ดูแลธุรกิจนั้นไม่ได้ จะต้องมีความเป็นผู้นำขั้นสูง โดย CEO จะเข้าไปแค่เสริมเท่านั้น ทำให้บริษัทเติบโตไปได้

Pantip ต้องการ Business Development ที่เข้าใจกับโลกออนไลน์ได้มากขึ้น รวมถึงคนที่ต้องการเขียนในเรื่องของการเขียนแบบ Advertial ในสายรถยนต์ หรือตามบ้าน

และ Kaidee ต้องการ Data Analysis หรือนักวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งไม่จำเป็นต้อง วิศวกร แต่ต้องการคนที่เชื่อมโยงข้อมูลจำนวนมากเช่น Big Data และเป็นส่วนที่คนต้องการเยอะ และมีเงินเดือนสูงพอสมควร

การมองปัจจัยของคนเข้ามาทำงานนั้น 

Kaidee มองว่า การเข้ามองถึงสังคม คือจะต้องเข้าถึงเรื่องแบบล้มเหลวเร็วที่สุด เพราะสามารถปล่อยของดี และการทำงานเป็นทีมของเรา ซึ่งการทำงานเป็นทีมมาตลอด และพฤติกรรมของคนที่เป็นทีมต่าง ๆ จะเข้ากับทีมหรือไม่

Tencent นั้นมองถึงเรื่องของ การเข้ากับสังคมเช่นเดียวกัน และมองเรื่องของคุณจะต้องมีความยืดหยุ่นในการทำงาน เช่นจาก iPick ที่ไม่ทำแล้ว แต่ย้ายมาทำ Product ใหม่ ๆ ได้ 

Wongnai เผยว่าถ้ารับคนมาคิดถึงเรื่องของแล้วแต่ทีม เพราะบางทีม ต้องใช้ Skill เยอะ ถ้ามันไม่ถึงอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ เช่นการถ่ายภาพ หรือ System Engineer และในขณะเดียวกับ กับ Product ใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง จะต้องดูเรื่องของคนแบบไหน ยืดถือสิ่งไหนมากกว่า

Pantip เผยว่า เคยพัฒนาด้วยโปรแกรมเมอร์ ที่จบแค่ ม.6 ที่เป็นโปรแกรมเมอร์จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องมี Passion ที่อยากทำงานกับองค์กร และทำงานอย่างมีความสุข และรักองค์กร และรักสมาชิก ทำให้เกิดความสุขนอกเหนือจากการได้เรื่องเงินเดือน

และ Line นั้นจะเพิ่มกับเรื่องของ Mild Sense เพราะไม่ได้ต้องการให้คนมาปรับปรุงและพัฒนา แต่จะต้องเป็นคนที่อยากจะสร้างบริการใหม่ ๆ มากกว่า ซึ่งตำแหน่งของ Product Manager จะอยู่ในองค์กรใหญ๋ ๆ และอยู่ปลายทาง เสมอ แต่วันนี้ Line ต้องการหาเป็น Product Owner ที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของ จะทำให้เกิดความสนุกและภาคภูมิใจ 

และอนาคตจากนี้ไป ทั้ง 5 องค์กรนี้มีการรวมตัวมาทำงานรวมกันหรือไม่

ซึ่งตัวแทนได้เผยว่าการผลิตเทคโนโลยีขึ้นมาเอง มากขึ้น แต่การเปลี่ยนจากผู้นำเข้าเทคโนโลยีมาเป็นผู้สร้างจะต้องหาคนให้ได้ ซึ่งหานานแล้วแต่ก็ยังหาไม่ได้ แต่หลายคนก็พยายามสร้างคุณค่าของวงการ Tech และเกี่ยวเรื่องของการพัฒนา และเสริมสร้างกับเด็กปี 1 จะทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานบนโลก Digital ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งต้องติดตามกันต่อเร็ว ๆ นี้

นอกจากนี้ในบริษัททั้ง 5 บริษัทยังเผยว่า จะแตกต่างกับบริษัทในอุตสาหกรรมคือ ทุกคนมีการศึกษาและความคิด แค่ช่วยกันคิดและสร้างธุรกิจขึ้นมา จะต้องทำให้คนนั้นคิดว่า เราสามารถที่จะลองผิดลองถูกได้ ซึ่งจะต้องคิดในเรื่องของการมีความคิดสร้างสรรค์ ตั้งแต่การปลูกฝังจากที่บ้าน หรือ การศึกษา ดังนั้นการทำให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์จะทำให้เกิดการเติบโตได้มากขึ้นเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุตสาหกรรม แต่มาถึงเรื่องชาติในแง่มุมต่าง ๆ 

เรียกได้ว่านักศึกษาที่เรียนอยู่นั้นต้องปรับตัวกับโลก Digital ให้ได้ รับรองว่าไม่ตกงาน เพราะหลายบริษัทนั้นต้องการคนที่ทำงานในด้านนี้ง่าย และปรับตัวให้ได้เท่านี้ เด็กจบใหม่มาก็ไม่ตกงานแล้วครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook