Facebook เผยเครื่องมือช่วยนักการตลาดทำรับเทศกาลสงกรานต์

Facebook เผยเครื่องมือช่วยนักการตลาดทำรับเทศกาลสงกรานต์

Facebook เผยเครื่องมือช่วยนักการตลาดทำรับเทศกาลสงกรานต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าพูดถึง Facebook คงจะนึงถึงเรื่องเทคโนโลยี Social Network ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แต่สำหรับในครั้งนี้ทีมงาน Sanook! Hitech ได้มีโอกาสมาร่วมฟังวิสัยทัศน์ของ Facebook เกี่ยวกับการที่การใช้งานบนมือถือ ที่น่าสนใจไม่น้อย จากคุณ จอห์น แวนเนอร์ กรรมการผู้จัดการ Facebook ประเทศไทย และเคยอยู่ในประเทศไทยกว่า 20 ปี

 

ซึ่งตอนนี้ภาพรวมของใช้ Facebook แล้วจะมีทั้งหมด 1.86 พันล้านคน และมีการใช้งานต่อเนื่องกว่า 122 ล้านคน ถือว่าเยอะมาก แล้วในเอเชียฯ จะมากกว่า 299 ล้านคน และ 61% ของทั้งหมดเป็นคนที่ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ใช้งานผ่านมือถือคิดเป็น 95% ของผู้ใช้งานทั้งหมด

ส่วนประเทศไทยนั้นตอนนี้มีคนใช้ Facebook 44 ล้านคน และ 98% คนเข้าถึง Facebook บนมือถือ แต่ความจริงนั้นคนมีมือถือกว่า 8 ใน 10 มีมือถือ และเบอร์มือถือมากกว่าประชากรในประเทศไทย 90% ใช้การเชื่อมต่อมือถือ คนทั่วไปใช้งานมือถือกว่า 2 ชั่วโมง 40 นาทีลทีเดียว

 

นอกจากนี้ช่วงสงกรานต์ที่ผ่าน(ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน)มานั้นมียอดใช้มือถือกว่า 95% เลยทีเดียว แต่ในวันที่ 13 – 15 เมษายน ที่เป็นช่วงสงกรานต์ จะมีข้อมูลที่น่าสนใจคือ แบ่งออกเป็น 74% เป็นการ Post วีดีโอ และ 40% เป็นการ Post รูป และหัวข้อที่ยอดนิยมสุดคือ ในเรื่องของสุขภาพ, ครอบครัว, ความสวยงาม และความสะอาด ซึ่งเป็นหัวข้อที่พูดถึงในช่วงสงกรานต์มากที่สุด ส่วนผู้หญิงมีการพูดเรื่องซื้อของกันมากที่สุด

เห็นได้ชัดเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ จะนำเครื่องมือของ Facebook มาเพิ่มเรื่องยอดขายแล้วเป็นที่รู้จักได้ไม่ยาก เพราะเท่ากับข้อมูลชี้ว่าการซื้อของผ่านมือถือนั้นมีความนิยมมากขึ้น

นอกจากนี้ข้อมูลในเรื่องการซื้อของออนไลน์นั้น สงกรานต์มียอดการซื้อของนั้นสูงพอ ๆ กับช่วงปลายปี เรียกได้ว่าคนซื้อของในช่วงนี้สูงกว่า 28%  เมื่อวางเป็นช่วงเวลานั้น ในช่วง 2 สัปดาห์หลังสงกราณ์คือช่วงที่มีการซื้อสูงสุด ภาคธุรกิจควรจะทำให้เกิดการจับจ่ายสูงสุด แต่ 13 – 15 เมษายน จะทำให้คนซื้อของน้อยแต่คนใช้ Facebook จะสูงสุด ในเรื่องการ Post และ หลังจากสงกรานต์ 2 สัปดาห์ จะพบว่ายอดการซื้อนั้นสูงกว่าก่อนสงกรานต์ เท่ากับว่าแม้คนจะไม่ได้ซื้อขายกันเยอะในช่วงสงกรานต์ แต่จะทำให้ Brand เป็นที่รู้จักการสร้าง Brand ได้ เรียกได้ว่าทั้ง 3 ชั่วเวลาก็สามารถใช้โอกาสได้แตกต่างกัน

โดยคุณจอห์นเผยว่า Facebook จะมีเครื่องมือที่หยิบมาใช้ได้ครบวงจร โดยมีให้เลือกคือ

  1. ทำให้เป็นที่รู้จัก ผ่านทาง Facebook และ Instagram
  2. เสนอสิ่งที่ต้องการของผู้ใช้ Facebook แต่ละคนได้
  3. สามารถทำให้เกิดการซื้อขายจริง จริง ๆ แล้วในเครื่องมือของ Facebook จะทำให้ยอดขายจริงและปิดการขายได้จริง

 

เครื่องมือต่าง ๆที่พูดมานั้น เราสามารถใช้ในเรื่องของการนำเสนอสินค้าที่ทำให้น่าสนใจและปิดการขายได้, ก่อนเทศกาลสงกรานต์ นั้นจะมีโอกาสทำให้เกิดการเยี่ยมชมร้านค้าจริง ผ่านทาง Application ได้, ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะออกมาเฉลิมฉลอง แต่นักการตลาดควรจะหยิบมีอารมณ์ร่วมกับคนได้อย่างไร เช่นการทำกิจกรรมร่วมกัน หรือจะมีการปล่อยโฆษณาแบบวีดีโอที่เป็นข้อความฉลองได้ และเมื่อหลังเทศกาล สงกรานต์ ก็จะมีเกี่ยวกับเรื่องของการกลับมาซื้อขายอีกครั้งก็น่าจะต้องทำให้เกิดข้อมูลในการซื้อขาย

ส่วนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จของการใช้เครื่องมือทางการตลาดของ Facebook คือ Tesco Lotus ห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันดี ที่มีการนำเทคโนโลยีการทำตลาดของ Facebook อย่าง iBeacon ไปใช้ ทำให้มีการโต้ตอบกลับมา ทำให้คะแนนความนิยมเพิ่มขึ้น และมีคนลง Apps กว่า 22,000 คน ภายในเวลา 1 เดือน โดย Facebook เองก็เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ทำให้ภาคธุรกิจมีรูปแบบที่พัฒนาได้ รวมถึงวัดผลเงินที่ใช้งานได้ด้วย

ส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ยึดติดกับสื่อใดสื่อหนึ่งในการโฆษณา ทำให้ลูกค้านั้นมีส่วนร่วมและรับรู้ข้อมูลเรื่อย ๆ ไม่ซ้ำซาก และอีกอย่างถ้ามีการให้ความสนใจมาก ๆ จะทำให้ราคานั้นถูกลง นอกจากนี้ คุณภาคิน ได้เผยว่าเครื่องมือนั้นจะสร้างเกี่ยวกับคุณค่าของ Brand ซึ่งการเลือก iBeacon เพราะจะทำให้เกิดการใช้สิทธิประโยชน์ สูงและให้การ Download ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในการใช้งาน

Chillindo.com เว็บไซต์ประมูลของออนไลน์ ที่เกิดขึ้นโดยกลุ่ม Startup เป็นอีกที่นำเครื่องมือจาก Facebook ไปใช้ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านการซื้อขายที่เน้นความเป็น Mobile First ทำให้เคนสามารถเห็นได้ถึง 35.9 ล้าน, มีผู้เข้ามาลงทะเบียนสูงถึง 865,300 user และ มีการซื้อขายกว่า 900,000 รายการซื้อขาย เรียกได้ว่าเป็นอีกความสำเร็จที่เกิดกับเจ้าของกิจการรายย่อยเช่นกัน

โดยคุณ Casper Bo Jensen ผู้ก่อตั้งของ Chillindo เผยว่า Chillindo จะเป็นเว็บไซต์ที่เน้นประสบการณ์ในการซื้อของในเว็บไซต์โดยเริ่มต้นที่ 1 บาท ที่คุณสามารถซื้อของได้

นอกจากนี้ คุณ Casper เผยว่ากว่าจะสำเร็จคือการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดหลายรูปแบบและปรับปรุงและปรับตัว ให้เข้ากับผู้บริโภค และการลงผิดลองถูก เป็นอีก key ความสำเร็จและจะเข้าใจการทำตลาดมากขึ้น

และอีกอย่างที่ทำให้แตกต่างคือ ทีม Production ใหญ่กว่าการตลาด และใช้สื่อออนไลน์โปรโมทมากกว่า เมื่อเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์แบบเก่า ถ้าผิดพลาดจะต้องอยู่กับส่วนนี้อีกนาน

ในเรื่องเครื่องมือของ Facebook นั้นมีจุดเด่นในเรื่องการปรับแต่งได้เรื่อย ๆ ทำให้คนนั้นไม่เบื่อและไม่จำเป็นจะต้องแนะนำให้รู้จักผ่านวีดีโอเสมอ และมีการเลือกกลุ่มของอายุของคนได้เช่นเดียวกัน และยังสามารถบอกได้ทันทีว่าอะไรนั้น Work หรือไม่ เพราะการไม่ได้ยึดติดกับเครื่องมือหนึ่ง จะทำให้ข้อมูลอันไหน Work หรือไม่ ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของ Facebook

จากคำถามเกี่ยวกับช่วงการตลาดในสงกรานต์นั้น Chillindo มีแคมเปญรอไว้เยอะมาก เพราะมีการวางแผนการตลาดในช่วงสงกรานต์ ซึ่งทีมจะมีการทำงานตลอด อาจจะมีเรื่องอุปสรรคในการขนส่งสินค้า เพราะบางรายก็ปิดทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าได้

ส่วน Tesco Lotus นั้นอาจจะเน้นเรื่องของแคมเปญที่กำลังจะปล่อยก่อนสงกรานต์จะเริ่ม เพราะช่วงสงกรานต์จะมีเทศกาลที่อยู่กับครอบครัว และมีกิจกรรมและรายการส่งเสริมการขายมากมาย และเครื่องมือของ Facebook จะทำให้เลือกกลุ่มลุกค้าได้แตกต่างกัน ตามพฤติกรรม เพราะจะมีการสุ่มไปยังคนที่แตกต่างกัน

เรื่องที่อยากฝากถึงนักการตลาดในเมืองไทยที่ทำตลาดออนไลน์อยู่นั้น ทางด้านคุณ Casper ได้ให้คำแนะนำกับนักการตลาดว่า การเรียนรู้ตัวเองเยอะ ๆ จะทำให้การทำเกี่ยวกับการตลาดนั้นจะทำได้ถูกต้องและสงกรานต์ไม่ใช่ ไม่มีโอกาสขายของ และไม่ควรทำการตลาดแบบตายตัว และควรทำแบบ Target ว่าของคุณคืออะไร แล้วให้เกิดขึ้นกิจกรรมเป็นตัวบอกว่าควรทำเท่าไหร่

และทาง Tesco Lotus ได้เผยว่า ก่อนที่จะลงงบควรที่จะรู้ตัวเราก่อนว่าต้องการอะไร แต่การลองเยอะ ๆ แม้จะผิดพลาด แต่ก็นำมาเป็นบทเรียนเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook