Huawei เปิดศูนย์ Huawei OpenLab Bangkok ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ แห่งแรกในไทย

Huawei เปิดศูนย์ Huawei OpenLab Bangkok ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ แห่งแรกในไทย

Huawei เปิดศูนย์ Huawei OpenLab Bangkok ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ แห่งแรกในไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หัวเว่ย (Huawei) ผู้จัดหาโซลูชั่นไอซีทีชั้นนำระดับโลก เปิดตัว ศูนย์หัวเว่ย โอเพ่นแล็ป แบงค์กอก (Huawei OpenLab Bangkok) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจรสำหรับองค์กรต่างๆ และช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ นายเดวิด ซุน ประธานกรรมการบริหาร และหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดครั้งนี้ ศูนย์หัวเว่ย โอเพ่นแล็ป แบงค์กอก (Huawei OpenLab Bangkok) ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 15 ล้านเหรียญสหรัฐ และถือเป็นศูนย์โอเพ่นแล็ป ลำดับที่ 7 ของหัวเว่ยทั่วโลก ต่อจากซูโจว เม็กซิโก มิวนิก สิงคโปร์ โจฮันเนสเบิร์ก และดูไบ โดยมีเนื้อที่ราว 2,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ ณ อาคารจี ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทแห่งใหม่ในประเทศไทย

นายเดวิด ซุน ประธานกรรมการบริหารและหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ศูนย์หัวเว่ย โอเพ่นแล็ป แบงค์กอก (Huawei OpenLab Bangkok) จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลแก่ลูกค้าและพันธมิตรต่างๆ ในอุตสาหกรรม โดยจะเป็นแพลตฟอร์มแบบเปิด และดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ ช่วยแก้ปัญหาการทดสอบโซลูชั่นการใช้งานต่างๆ กระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรม ทั้งยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรม และให้บริการฝึกอบรมด้านไอซีที

ศูนย์หัวเว่ย โอเพ่นแล็ป แบงค์กอก (Huawei OpenLab Bangkok) จะช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนานวัตกรรมความร่วมมือและการคิดค้นโซลูชั่นใหม่ร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศไทย รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในด้านต่าง ๆ อาทิ สมาร์ทซิตี้ ความปลอดภัยสาธารณะ โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) การเงิน  การศึกษา การขนส่ง และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

ในพิธีเปิดศูนย์ดังกล่าว นายเดวิด ซุน ได้กล่าวว่า ศูนย์หัวเว่ย โอเพ่นแล็ป แบงค์กอก (Huawei OpenLab Bangkok) ยังจะช่วยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และช่วยขับเคลื่อนและส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพและการศึกษาของไทยในด้านไอซีทีด้วย “เมื่อผนวกกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล “ไทยแลนด์ 4.0” และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ของภูมิภาคมีความชัดเจนขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมได้ผลักดันให้ความเร็วในการเชื่อมต่อโมบายบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นจาก 5 Mbs ไปอยู่ที่ 15 Mbps และเชื่อมโยงเครือข่ายการสื่อสารโดยตรงของไทยไปยังประเทศต่างๆ ให้เพิ่มมากขึ้นผ่านเคเบิ้ลใต้น้ำ” เราเชื่อมั่นว่าด้วยระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพ สภาพเศรษฐกิจ นโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัล สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนจากบีโอไอ และการเชื่อมโยงของเครือข่ายการบิน รวมถึงบุคลากรที่มีความสามารถด้านไอซีที จะทำให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากขึ้นในสายตาขององค์กรธุรกิจในระดับนานาชาติ”

นอกจากนี้ หัวเว่ย (Huawei) ยังคงให้การสนับสนุนภาครัฐบาลของไทยในหลายด้านผ่านการทำงานร่วมกันกับภาครัฐ และเอกชน และองค์กรวิจัยต่างๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศ การปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรมสู่การเติบโตแนวดิ่ง (vertical industries) และการนำเสนอประสบการณ์การใช้งานดีไวซ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าชาวไทย “ในปัจจุบันนี้ คนไทยกว่า 6 ล้านคน ใช้อุปกรณ์ดีไวซ์ของหัวเว่ย และเพลิดเพลินกับคุณสมบัติใหม่ ๆ ของเครื่อง อาทิ กล้องเลนส์คู่ที่พัฒนาร่วมกับไลก้า วีดีโอสตรีมมิ่งแบบเอชดี และเทคโนโลยีการสื่อสารความเร็วสูง LTE นวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งของหัวเว่ยในฐานะหนึ่งใน 3 แบรนด์ชั้นนำของสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ที่มีระดับการรับรู้ของแบรนด์สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 84”

Click to view slideshow.

ในปีที่ผ่านมาหัวเว่ยได้จ่ายภาษีเป็นจำนวนทั้งสิ้น 33 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และสร้างงานมากกว่า 10,000 ตำแหน่งในประเทศไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีก่อนหน้า นอกจากนี้บริษัทยังใช้งบจัดซื้อจัดจ้างถึง 660 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และได้มีการจัดการอบรมด้านไอซีทีให้กับ “นักรบดิจิทัล” มากกว่า 35,000 คนในประเทศไทยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา “เรามุ่งหวังว่าบริษัทหัวเว่ยจะเป็นตัวอย่างที่ดีขององค์กรธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย”

ศูนย์โอเพ่น แล็ป บางกอก ตั้งเป้าจะให้การฝึกอบรมบุคลากรด้านไอซีทีไม่ต่ำกว่า 800 คนต่อปี รวมถึงพัฒนาบุคลากรที่ผ่านประกาศนียบัตรรับรองด้านอาชีพ Huawei Certification อีก 500 คนต่อปี และคาดว่าจะสามารถรองรับโครงการทดสอบแนวคิด (POC) ราว 150 คนต่อปี โดยคาดว่าทุก ๆ ปี จะสามารถต้อนรับบริษัทสตาร์ทอัพด้านไอซีทีได้มากกว่า 20 ราย

ในส่วนของโครงการความร่วมมือของศูนย์หัวเว่ย โอเพ่นแล็ป แบงค์กอก (Huawei OpenLab Bangkok) กับหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ โครงการพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับโซลูชั่นด้านไอซีทีเพื่อพัฒนาระบบพลังงานไฟฟ้าร่วมกับการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค โครงการความร่วมมือทางยุทธศาสตร์เมืองแห่งความปลอดภัยของกรมตำรวจ โครงการความร่วมมือกับกลุ่มสตาร์ทอัพด้านเมืองอัจฉริยะของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง

นอกจากนี้ที่ศูนย์หัวเว่ย โอเพ่นแล็ป แบงค์กอกยังได้ประสานความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศอีกกว่า 30 แห่ง เพื่อให้บริการข้อมูล และสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม และดิจิทัลโซลูชั่น อาทิ เอสเอพี, ไมโครซอฟท์, ฮันนี่เวลล์, บอมบาร์ดิเอร์, ออราเคิล, แอ็กเซนเจอร์ และอินโฟซีส ฯลฯ

และในปี 2560 หัวเว่ยวางแผนที่จะเปิดศูนย์โอเพ่น แล็ป ใหม่อีก 7 แห่งทั่วโลก และอีก 3 ปีนับจากนี้ จะลงทุนด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 200 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มบุคลากรอีกประมาณ 1,000 คน เพื่อสร้างศูนย์โอเพ่น แล็ป ให้ครบ 20 แห่งในปี 2562

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook