5 โดรนที่ทั้งแปลกและล้ำ จนคุณอาจไม่เชื่อว่ามันจะมีอยู่บนโลกนี้จริงๆ

ปัจจุบันนี้โดรนถูกนำมาใช้แพร่หลายมากขึ้นและกลายเป็นงานอดิเรกของใครหลายๆ คนไปแล้ว เมื่อพูดถึงโดรน คนส่วนใหญ่อาจจะนึกถึงโดรนที่เอาไว้บินเล่นเฉยๆ หรือโดรนติดกล้องที่เอาไว้ถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอมุมสูง หรืออาจจะนึกถึงโดรนส่งพัสดุในต่างประเทศที่มีข่าวออกมาให้เห็นกันบ่อยๆ แต่ในวันนี้เราจะพาไปดูโดรนสุดแปลกที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อบินเล่นหรือถ่ายรูป แต่เจาะจงลักษณะการทำงานที่แตกต่างออกไป และอาจทำให้คุณมองภาพลักษณ์ของโดรนเปลี่ยนไปเลยก็เป็นได้ จะมีโดรนแบบไหนบ้าง เราไปดูกันเลยครับ

 1. โดรนใต้น้ำสำหรับนักตกปลา

ใครว่าโดรนต้องบินบนฟ้าอย่างเดียว ขอแนะนำให้รู้จักกับ PowerRay โดรนใต้น้ำที่ออกแบบมาสำหรับคนรักการตกปลาโดยเฉพาะ มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง พร้อมบอดี้กันน้ำได้ 100% (แหงล่ะ) ดำน้ำได้ลึกราวๆ 30 เมตร ฟีเจอร์เด็ดของ PowerRay คือ Fishfinder ซึ่งจะส่งคลื่นโซนาร์เพื่อตรวจจับปลาที่อยู่ใต้โดรนลึกลงไปอีก 40 เมตรได้ เท่านั้นยังไม่พอ ตัวโดรนยังมีระบบ Wi-Fi เพื่อส่งภาพ วิดีโอ และข้อมูลต่างๆ ที่จับได้โดยกล้องความละเอียดระดับ 4K ให้เราดูผ่านแอปพลิเคชันบน iOS หรือ Android ได้ แถมยังมีไฟสีฟ้าและเหยื่อล่อปลาที่ควบคุมผ่านรีโมทได้มาให้ด้วย

แต่ถ้าคุณไม่ชอบตกปลา แต่อยากสำรวจโลกใต้ทะเลมากกว่า PowerRay ก็สามารถตอบโจทย์ให้คุณได้ ด้วยออปชั่นการควบคุมผ่านแว่น VR ผจญภัยโลกใต้น้ำได้อย่างใกล้ชิดแถมยังปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางน้ำต่างๆ สำหรับราคาของ PowerRay ก็น่าจะอยู่ที่ครึ่งแสนขึ้นไปครับ

 

2. โดรนแท็กซี่

รถติดไม่ใช่เรื่องตลก และเป็นปัญหาระดับสากลที่ไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็ต้องเจอ และวิธีการรับมือปัญหารถติดของเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ก็นับว่าล้ำกว่าใครเพื่อน ด้วยการเปิดให้บริการโดรนส่งผู้โดยสาร หรือโดรนแท็กซี่ โดยใช้โดรน EHang 184 จากประเทศจีน

EHang 184 เป็นโดรนขนาดยักษ์สำหรับส่งผู้โดยสาร เคยเปิดตัวไปแล้วในงาน CES 2016 สำหรับเครื่องที่จะนำมาให้บริการในดูไบนี้มีการอัปเกรดสเปกขึ้นเล็กน้อย ให้บินต่อเนื่องได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ระยะทางไกลสุด 1,100 กิโลเมตร รองรับผู้โดยสารน้ำหนักไม่เกิน 118 กิโลกรัมได้ 1 คน พร้อมกระเป๋าใบเล็กอีก 1 ใบ ขณะอยู่บนเครื่องผู้โดยสารไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่นั่งประจำที่ให้เรียบร้อยและเลือกจุดหมายปลายทางที่แผงควบคุม จากนั้นก็นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ ปล่อยให้โดรนบินไปยังจุดหมายโดยอัตโนมัติ นอกจากไม่ต้องขับเองแล้วยังไม่ต้องเสียอารมณ์กับรถติดอีกต่างหาก แต่ค่าบริการต่อเที่ยวคงไม่ใช่น้อยๆ แน่นอนครับ

 

3. โดรนกินได้

ใครจะไปคาดคิดว่าโดรนจะสามารถเอามาใช้แก้ปัญหาปากท้องได้เหมือนกัน บริษัท Windhorse Aerospace ได้พัฒนาโดรนที่สามารถ “กินได้” และตั้งชื่อให้มันว่า Pouncer ความพิเศษของมันคือ ใช้วัสดุในการสร้างเป็นอาหารทั้งหมด ตัวเครื่องอาจสร้างจากรวงผึ้งหรือผักที่นำมาอัดจนแข็ง มีความยาวปีกตั้งแต่ปลายปีกซ้ายถึงปลายปีกขวาประมาณ 2.7 เมตร โดย Pouncer จะมีหน้าที่ส่งอาหารไปยังพื้นที่ขาดแคลนทางอากาศ และเมื่อส่งเสร็จแล้วตัวมันเองก็จะลงจอดและพลีชีพกลายเป็นอาหารด้วยเช่นกัน นอกจากนี้โครงของตัวเครื่องยังนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับประกอบอาหารได้ นับว่าบินเที่ยวเดียวส่งอาหารได้ 2 เท่า แถมทำกับข้าวได้อีกต่างหาก

 

4. โดรนมอเตอร์ไซค์

โดรนแท็กซี่ก็มีแล้ว ทำไมจะมีโดรนมอเตอร์ไซค์บ้างไม่ได้? Hoversurf Scorpion-3 (รุ่นทดสอบ) พัฒนาโดยบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติรัสเซีย มี 4 ใบพัด นั่งได้ 1 คน สามารถควบคุมโดยผู้ขับขี่หรือจะควบคุมผ่านรีโมตคอนโทรลแบบโดรนก็ได้ ถ้าจะพูดให้เห็นภาพง่ายๆ มันก็คือมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีล้อ แต่มี 4 ใบพัดและบินได้นั่นเอง แถมยังมีระบบ safety ที่คอยจำกัดความเร็วในการบิน และจำกัดเพดานบินไม่ให้เป็นอันตรายอีกด้วย

Hoversurf Scorpion-3 นับว่าเป็น hoverbike รุ่นแรกของโลกที่สามารถขึ้นไปขี่และบินได้จริงๆ แม้ก่อนหน้านี้จะมี hoverbike หลายรุ่นได้รับการพัฒนาขึ้นมาก่อนหน้านี้ เช่น โดรน JTARV ของกองทัพสหรัฐ หรือ hoverbike บ้านๆ ที่ YouTuber คนหนึ่งเคยทำขึ้นมา แต่ก็ยังไม่มีตัวไหนที่มีสมรรถนะเทียบเท่า Scorpion-3 เลย อย่างไรก็ตาม คงอีกนานกว่า Hoversurf Scorpion-3 จะเสร็จสมบูรณ์จนสามารถนำมาขี่หนีรถติดกันจริงๆ ได้ แต่ถ้าเอามาใช้ได้เมื่อไหร่เราอาจจะได้เห็น "วินโฮเวอร์ไบค์" กันก็เป็นได้

 5. โดรนแมลงปอไซบอร์ก

ลบภาพโดรนเดิมๆ ออกจากหัวไปได้เลย เพราะนี่คือ "โดรนชีวภาพ" ที่มีชีวิตจริงๆ โดยการเปลี่ยนแมลงปอให้เป็นไซบอร์ก แล้วติดระบบบังคับการทำงานของระบบประสาทเข้าไป ผลงานนี้มีชื่อว่า DragonflEye

DragonflEye เป็นผลงานจากการร่วมมือกันของทีมวิศวกรจาก Draper บริษัทด้านการค้นคว้าและเทคโลโยีใน Cambridge และทีมนักวิจัยด้านระบบประสาทของสถาบันการแพทย์ Howard Huges นักวิจัยทั้ง 2 ทีม ได้ผสมผสานเทคนิคทางวิศวกรรมและประสาทวิทยาเข้าด้วยกันจนออกมาเป็น "แบ็คแพ็คระบบนำทาง" (backpack guidance systems) อุปกรณ์ขนาดจิ๋วที่สามารถนำไปติดตั้งบนตัวแมลง และสั่งการระบบประสาทเพื่อบังคับให้มันบินไปตามทิศทางที่ต้องการได้ ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็นไมโครโดรนแมลงปอสุดล้ำอย่างที่เห็น

ซึ่งประโยชน์ของมันนั้นก็มีมากมายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่เข้าถึงยาก ใช้ติดตามสัตว์ขนาดเล็กเพื่อการศึกษาพฤติกรรมตามธรรมชาติโดยไม่ให้สัตว์แตกตื่น หรือติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจสภาพแวดล้อมลงไปเพื่อเฝ้าระวังภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และอื่นๆ อีกมากมาย ถือเป็นก้าวใหม่ชองวงการโดรนเลยทีเดียว