วิธีแก้ปัญหา 9 อย่างที่มักเกิดกับ iOS 11 ตัวใหม่ที่หลายคนเจอ หลายคนไม่เจอ!!!

วิธีแก้ปัญหา 9 อย่างที่มักเกิดกับ iOS 11 ตัวใหม่ที่หลายคนเจอ หลายคนไม่เจอ!!!

วิธีแก้ปัญหา 9 อย่างที่มักเกิดกับ iOS 11 ตัวใหม่ที่หลายคนเจอ หลายคนไม่เจอ!!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ ๆ และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของ iOS 11 ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ใช้จำนวนมากต่างก็รีบอัพเดทอุปกรณ์ของตนเอง แต่ทั้งนี้ iOS ใหม่ ๆก็มักจะทำให้เกิดสิ่งที่ผู้ใช้ไม่ได้คาดคิด นับตั้งแต่การมีอายุการใช้งานของแบตตารี่ลดลง การมีปัญหากับบางแอพ รวมไปถึงการปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่าย และ 9 ปัญหาต่อไปนี้ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น และหากปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ของหลาย ๆ คนแต่ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเรามีวิธีแก้ไข

มีปัญหาในการใช้งานแอพ :

แน่นอนว่า ถ้าเกิดปัญกาขึ้นกับการใช้งานแอพตัวโปรดของคุณ นั่นย่อมทำให้คุณหงุดหงิด แต่หากคุณอัพเดท iOS 11 แล้ว พบปัญหาการใช้งานแอพ ก็ให้ลองแก้ไข้ด้วยการไปตรวจเช็คดูว่า แอพที่คุณใช้นั้น คุณได้อัพเดทไปเป็นรุ่นล่าสุดแล้วหรือยัง เพราะหลังจากการเปิดตัว iOS 11 มาได้ไม่กี่วัน ผู้พัฒนาแอพก็ได้เปิดตัวเวอร์ชั่นอัพเดทแอพของตนเอง สำหรับการใช้งานกับ iOS 11 คุณสามารถจะลบแอพเก่าออกจากเครื่องแล้วติดตั้งตัวใหม่ลงไปแทน

เอกสารบน iPad หายไป :

เนื่องจากคุณสมบัติต่าง ๆ ใน iOS 11 นั้น มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างการ การเข้าสิ่งต่าง ๆ ที่เคยใช้อาจจะไม่ปรากฏออกมาให้เห็นไม่เหมือนเดิม สิ่งที่ผู้ใช้ร้องเรียนกันมากก็คือที่เก็บเอกสารหายไป ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นไม่ใช่เป็นเพราะซอฟต์แวร์มีปัญหา แต่เป็นเพราะเมื่อไม่มีการใช้ ที่เก็บเอกสารจะถูกซ่อนโดยอัตโนมัติ เหมือนกับเครื่อง Mac ให้ลองปัดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นมา ก็จะเห็นปุ่มเอกสารที่ต้องการ

ปัญหาการใช้งาน Wi-Fi หรือ Bluetooth :

ผู้ใช้จำนวนมากบอกว่า ไม่สามารถเข้าใช้ Wi-Fi และ Bluetooth จาก Control Center ได้ และไม่สามารถปิดการใช้งานอย่างสมบูรณ์ ในจุดนี้ แอปเปิลบอกว่า เราสามารใช้งานจุดนี้ได้อย่างง่าย ๆ บน iOS 11 เมื่อปิด Wi-Fi หรือ Bluetooth โดยใช้ Control Center ตัว iOS ก็จะหยุดการเชื่อมต่ออุปกรณ์จากเครือข่ายไร้สาย หรืออุปกรณ์ต่อพ่วง Bluetooth แต่จะยังคงใช้คุณสมบัติที่สำคัญ ๆ อย่างเช่น AirDrop, Apple Watch, Handoff, AirPlay และคุณสมบัติอื่น ๆ ได้ การจะปิด Wi-Fi และ Bluetooth ให้สมบูรณ์นั้น ต้องไปปิดที่ Settings App

แบตตารี่หมดไปอย่างรวดเร็ว :

ถ้าคุณรู้สึกว่า หลังจากอัพเดท iOS 11 แล้ว แบตตารี่หมดไปอย่างรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก ขอให้ทราบว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับคุณเพียงคนเดียว ผู้ใช้อุปกรณ์จำนวนมากก็รายงานปัญหานี้ และดูเหมือนว่า ปัญหานี้จะเป็นเรื่องหลัก ๆ ของ iOS ตัวใหม่นี้ด้วย สำหรับสาเหตุที่ทำให้แบตตารี่หมดเร็วนั้นก็มีหลายสาเหตุ ตั้งแต่วิธีการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งบางคนก็ใช้แอพที่กินแบต บางคนใช้งานอุปกรณ์นาน เพราะอยากลองฟังก์ชั่นใหม่ ๆ นั่นเอง

เครื่องหยุดทำงานในบางครั้ง :

ปัญหาเครื่องค้าง หรือหยุดทำงานนั้น มักจะไม่ค่อยเกิดขึ้นกับเครื่อง แต่ผู้ใช้ iPhone จำนวนไม่น้อยรายงานว่ามีปัญหานี้ ปุ่ม Tap หรือปุ่ม Button ไม่ตตอบสนอง ซึ่งทำให้เสียอารมณ์มากโดยเฉพาะเมื่อเวลาจะต้องทำงานสำคัญ แต่ปัญหานี้ สามารถแก้ไขได้รวดเร็ว ด้วยการรีบู๊ต หรือ Hard reset เครื่อง วิธีการคือให้กดแช่ปุ่ม Home และ Sleep หรือปุ่ม Power พร้อม ๆ กันรอสักประมาณ 2-3 วินาที จะเห็นจอเป็นสีดำ และปรากฏรูปโลโก้แอปเปิลขึ้นมา ก็ให้ปล่อยปุ่มที่กดแช่ไว้ จากนั้นก็รอให้เครื่องรีบู๊ตตัวเองให้เสร็จ แล้วปัดเพื่อเปิดล็อคหน้าจอตามปกติ แต่ถ้าหากลองทำวิธีนี้แล้ว เครื่องยังคงค้างอยู่อีอก ก็ต้องรีเซ็ทผ่าน iTunes แต่ต้องไม่ลืมแบคอัพก่อน

ปัญหา Wi-Fi :

ปัญหานี้ ทำให้ผู้ใช้หงุดหงิดมาก เมื่อไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพราะมีปัญหา Wi-Fi หากหลังการอัพเดท iOS 11 แล้ว มีปัญหานี้ ให้ลองรีบู๊ตเช่นกัน หากเครื่องจำ Wi-Fi ไม่ได้ ก็ให้เชื่อมต่อเข้าไปใหม่ โดยเปิดเข้าไปที่ Settings app และแตะเลือก Wi-Fi และแตะที่ปุ่ม i ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับ Wi-Fi network และเลือกที่ Forget This Network

ส่วนการ Reset Network ให้ไปที่ Setting app > General > Reset จากนั้นแตะที่ Reset Network Settings

กรณีเชื่อมต่อบริการเครือข่าย Wi-Fi ไม่ได้ ให้เปิด Settings app และไปที่ Privacy > Location Services และเลือกที่ System Service แล้วปิด Toggle ข้าง ๆ Wi-Fi Networking

ปิด Wi-Fi Assist โดยเข้าไปที่ Settings app และไปที่ Cellular เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วเลือกปิด WiFi Assist

ปัญหาการเชื่อมต่อ Bluetooth :

หากการเชื่อมต่อ Bluetooth เป็นเรื่องนากให้ลองรีบู๊ทเครื่องก่อน เพื่อดูว่าปัญหาจะหมดไปหรือไม่ และอีกวิธีหนึ่งก็คือให้ปิด Bluetooth จาก Settings จากนั้น รีบู๊ทและค่อยกลับไปเปิด Bluetooth ใหม่อีกครั้ง

แอพ 32 บิทไม่ทำงาน :

แอปเปิลได้ประกาศออกมาว่า ใน iOS 11 นี้ แอพ 32 บิทจะไม่ทำงานแล้ว แต่ถ้าคุณยังต้องใช้งานแอพพวกนี้อยู่ ก็ให้เปิดเข้าไปเลือกอัพเดทแอพกับผู้พัฒนาแอพ โดยเลือกอัพเดทให้เป็น 64 บิท หากไม่มี ก็ต้องกลับไปใช้ iOS 10.3.3 ซึ่งยังรองรับแอพ 32 บิทอยู่

ข้อความไม่มีการแบคอัพที่ iCloud :

คุณสมบัติอย่างหนึ่งใน iOS 11 ที่ต้องรู้ก็คือ Message on iCloud ซึ่งทำให้ข้อความที่รับส่งนั้นถูกเก็บเอาไว้บน iCloud แต่คุณสมบัตินี้ มีอยู่ในรุ่นเบต้ารุ่นแรกๆ ไม่กี่รุ่น แต่พอมาเป็น iOS 11 เบต้า 5 แอปเปิลได้นำคุณสมบัตินี้ออกไป หากคุณมีปัญหาการใช้งานตรงนี้ นั่นก็เป็นเพราะแอปเปิลยังไม่ได้เปิดตัวฟังก์ชั่นนี้ออกมาอีก ซึ่งคงจะต้องรออีกสักพักให้ iOS 11 อัพเดทอีกครั้ง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook