3 ขั้นตอน แก้ปัญหาพื้นฐานของ iPhone เช่น เครื่องค้าง ที่คุณต้องรู้

3 ขั้นตอน แก้ปัญหาพื้นฐานของ iPhone เช่น เครื่องค้าง ที่คุณต้องรู้

3 ขั้นตอน แก้ปัญหาพื้นฐานของ iPhone เช่น เครื่องค้าง ที่คุณต้องรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

iPhone, iPad ที่ใช้งานอยู่เกิดปัญหาที่จู่ๆ ก็ใช้เครื่องได้ไม่ปกติ ไม่ต้องตกใจครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำ 3 ขั้นตอน ในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้นกับ iPhone, iPad ของคุณ โดยที่บางอาการนั้นเราสามารถแก้เองได้โดยไม่ต้องง้อช่างเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้างไปชมกันครับ

3 ขั้นตอน แก้ปัญหาพื้นๆ iPhone iPad ที่คุณต้องรู้

ชมวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นของ iPhone iPad  แนะนำว่าให้ทำทีละขั้นตอนจาก 1 ไป 2 ไป 3 นะครับ

1. วิธีการบังคับให้รีสตาร์ท Force Restart

Apple ระบุเอาไว้ว่า

คุณควรใช้วิธีบังคับให้รีสตาร์ท iPhone, iPad หรือ iPod touch เป็นทางเลือกสุดท้าย และทำเฉพาะกรณีที่อุปกรณ์ไม่ตอบสนองเท่านั้น เมื่อต้องการบังคับให้รีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณ ให้กดปุ่ม พักเครื่อง/ปลุก และปุ่มโฮมค้างไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 วินาที จนกว่าคุณจะเห็นโลโก้ Apple

หรือบางคนอาจจะเรียกว่าการ Hard Reset เป็นต้น

การจะทำวิธีนี้ก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาแปลกๆ กับตัวเครื่องเช่น อยู่ดีๆ เสียงที่ลำโพงไม่ออก, เครื่องไม่สั่น, GPS ไม่ตรงหรือตัวเครื่องไม่ตอบสนองกดอะไรไม่ได้ ฯลฯ ดังนั้น แนะนำให้ทำวิธีการนี้ก่อนนะครับ ทำได้โดย

  • แบบที่ 1: กดปุ่ม Home และปุ่ม Power พร้อมกันค้างไว้ จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple จึงปล่อยมือ (ใช้ได้กับ iPhone 2G – iPhone 6s
  • แบบที่ 2: กดปุ่มกดเสียงปุ่ม Power พร้อมกันค้างไว้ จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple จึงปล่อยมือ (ใช้ได้กับ iPhone 7 – iPhone 8)
  • แบบที่ 3: กดปุ่มเพิ่มเสียงแล้วปล่อย, กดปุ่มลดเสียงแล้วปล่อย จากนั้นกดปุ่มด้านข้าง(ตำแหน่งปุ่ม Power) ค้างไว้ จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple จึงปล่อยมือ (ใช้ได้กับ iPhone X)

hard-reset-iphone-1

การทำเช่นนี้พบว่าช่วยแก้ปัญหาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์ได้ค่อนข้างเยอะครับ

ของแถมสำหรับข้อ 1

  • ถ้าชาร์จ iPhone  ไม่เข้าหรือชาร์จเข้าช้า ทำตามขั้นตอน 1 แล้ว ก็ไม่หาย ลองเปลี่ยนสายชาร์จ, ลองเอาแปรงสีฟันทำความสะอาดรูชาร์จ(เอาไฟฉายส่องดูที่พอร์ตชาร์จ เผื่อมีฝุ่นติดในนั้นอยู่ เอาออกมาให้หมดก่อนครับ), เปลี่ยนหัวชาร์จหรืออะแดปเตอร์ด้วยนะครับ
  • ถ้าเชื่อมต่อ WiFi จากเร้าเตอร์ที่บ้านไม่ได้ ให้ลองเชื่อมต่อที่อื่นหรือผ่าน Hotspot เพื่อดูว่า WiFi บน iPhone เราใช้ได้หรือไม่

2.  รีเซตการตั้งค่าทั้งหมด (Reset All Setting)

การรีเซตการตั้งค่าทั้งหมดของเครื่อง คือ การทำให้การตั้งค่าทุกอย่างในเครื่องกลับมาเป็นเหมือนออกมาจากโรงงาน (ข้อมูลไม่หาย) เช่น หลังทำการรีเซตการตั้งค่าทั้งหมดแล้วเสียงเรียกเข้าที่เคยตั้งไว้ จะกลับมาเป็นแบบโรงงาน, WiFi ที่เคยต่อไว้ จะไม่ถูกจำ ต้องเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง, รหัสผ่านที่เคยตั้งไว้ก็จะหายไปเช่นกัน ฯลฯ

การทำเช่นนี้เพื่อจะคืนค่าพื้นฐานโรงงานให้กับ iPhone, iPad ก่อน จะได้รู้ว่าปัญหาที่เกิดกับ iPhone อยู่นั้นสาเหตุมาจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดหรือเปล่า

วิธีการ

  • การตั้งค่า> ทั่วไป> รีเซต> รีเซตการตั้งค่าทั้งหมด
  • Settings> General> Reset> Reset all setting

reset-all-setting-iphone

3.  ล้างเครื่อง (Restore)

การล้างเครื่อง คือ การลบข้อมูลในหน่วยความจำและติตตั้งระบบปฏิบัติการ (OS) เข้าไปใหม่ ฝั่ง iOS จะเรียกกว่าการ Restore iOS ฝั่ง Android จะเรียกว่า Factory reset

ผลที่ได้คือ iPhone เครื่องดังกล่าวนั้นจะติดตั้ง iOS ใหม่เพียวๆ เหมือนแกะกล่องมาในตอนซื้อเลย ใหม่หมดจด มีแค่แอปที่ทาง Apple กำหนดไว้เท่านั้นที่ติดตั้งมาพร้อมและแอปเหล่านี้คุณก็ลบออกจากเครื่องไม่ได้ด้วย แน่นอนว่าข้อมูลทุกอย่างถูกลบออกจาก iPhone ดังนั้นคุณต้องสำรองข้อมูลเอาไว้เสียก่อน

restore-iphone

วิธีการล้างเครื่องผมแนะนำเอาไว้ 3 แบบครับได้แก่

  1. วิธีที่ 1 ล้างเครื่องทำผ่าน iPhone แบบนี้จะได้ iOS ปัจจุบันที่ติดตั้งอยู่
  2. วิธีที่ 2 ใช้ iTunes บนคอมผ่านโหมดปกติ จะได้ iOS ล่าสุดจาก Apple
  3. วิธีที่ 3 ใช้ iTunes บนคอมผ่าน DFU Mode  จะได้ iOS ล่าสุดจาก Apple

ทำความเข้าใจในแต่ละวิธีการได้เลยนะครับ แต่ใครไม่ยากเสียเวลาก็แนะนำว่าให้ทำตามวิธีที่  3 ได้เลย จะได้รู้กันไปเลยว่าเสียที่ตัวซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์กันแน่

สรุป

ขั้นตอนทั้ง 3 ที่แนะนำนั้น ทำเพื่อตัดปัญหาซอฟต์แวร์ออกจากฮาร์ดแวร์ครับ ถ้าทำ 3 ขั้นตอนแล้วหาย ก็แสดงว่า “ตัวเครื่องไม่เสีย” แต่หากปัญหาเดิมยังอยู่ก็แสดงว่าเครื่องเสียแล้วครับ แนะนำให้ติดต่อ AASP เพื่อปรึกษาเรื่องการเคลมได้เลยครับ

โดยประสบการ์แล้ว

  • 70%  ของปัญหา iPhone เกิดจากซอฟต์แวร์และข้อผิดพลาดจากผู้ใช้ (User Error)
  • 20% เกิดจากอุปกรณ์เสริม เช่น สาย USB, Adapter, คอมพิวเตอร์ที่ใช้จัดการ
  • 10% เสียที่ตัวเครื่อง ซึ่งอาการเสียจากตัวเครื่องที่เจอก็เช่น WiFi เชื่อมไม่ได้, จอทัชสกรีนไม่ได้, ปุ่ม Touch ID สแกนไม่ได้, กล้องเบลอ….

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านทุกคนแก้ปัญหาพื้นฐานของ iPhone, iPad และ iPod touch ได้ด้วยตัวเองนะครับ ก่อนที่จะปรึกษาร้านหรือ AASP ครับ

บทความนี้เขียนจากประสบการณ์ตรงจากทีมงาน  iPhoneMod อย่าลืมให้กำลังใจด้วยการกด Like & Share บทความนี้ให้พวกเราด้วยนะครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook