บราเดอร์เปิดตัวปริ้นเตอร์รุ่นใหม่ เน้นจุดเด่น 4 จุด ‘ฟังก์ชั่น ดีไซน์ คุณภาพสี คุ้มค่า’

บราเดอร์เปิดตัวปริ้นเตอร์รุ่นใหม่ เน้นจุดเด่น 4 จุด ‘ฟังก์ชั่น ดีไซน์ คุณภาพสี คุ้มค่า’

บราเดอร์เปิดตัวปริ้นเตอร์รุ่นใหม่ เน้นจุดเด่น 4 จุด ‘ฟังก์ชั่น ดีไซน์ คุณภาพสี คุ้มค่า’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) เปิดฉากปี 61 เผยโฉมเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท 5 รุ่นใหม่ เติมเต็มความต้องการกลุ่ม SOHO และ เอสเอ็มอี หลัง IDC ชี้กระแสอิงค์เจ็ทโตแบบฉุดไม่อยู่ อัดงบบูมตลาดทั่วประเทศต่อเนื่องตลอดปี หวังก้าวสู่ผู้นำตลาดในไทย

นายโทโมยูกิ ฟูจิโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บราเดอร์ พร้อมจะเติมเต็มกระแสความต้องการของตลาด ด้วยการมุ่งมั่นพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทระบบแท็งค์ ซึ่งถือเป็นเครื่องพิมพ์ที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดในประเทศไทย (25%)

ด้วยเหตุนี้ บราเดอร์ จึงได้นำ 5 สินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเข้ามารุกตลาดในไทยอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด ‘First Inkpressions Count : คุณภาพสี สะกดทุกสายตา’ ที่ได้พัฒนาคุณภาพในเรื่องฟังก์ชั่น งานดีไซน์ที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์การใช้งาน การเพิ่มประสิทธิภาพการพิมพ์ให้คุ้มค่ายิ่งกว่า และที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญคือ การพัฒนาคุณภาพสีให้คมชัดมีมิติเพื่องานพิมพ์ที่เหนือกว่า ซึ่งทุกปัจจัยดังกล่าวทำให้บราเดอร์มั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถเพิ่มการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทได้เพิ่มขึ้นกว่า 10% ในปีงบประมาณ 2561

 

ด้านนายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ  ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนและกลยุทธ์เพื่อผลักดันยอดขายกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทระบบแท็งค์บราเดอร์ในไทยว่า “รายงาน IDC ในไตรมาสล่าสุดระบุว่า บราเดอร์ เป็น 1 ใน 2 แบรนด์ผู้นำตลาดที่มียอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสูงสุดในไทย การนำเสนอสินค้าที่มากด้วยคุณภาพสู่ตลาดที่เต็มไปด้วยความต้องการ ถือเป็นโอกาสที่ดีมากในการสร้างการเติบโต

โดยในครั้งนี้ บราเดอร์ได้วางแผนการตลาดอัดแน่นทุกแพลทฟอร์ม นำร่องด้วยกิจกรรมออนไลน์ในช่วงเปิดตัว เพื่อสร้างกิจกรรมเชิงอินเตอร์แอคทีฟกับกลุ่มเป้าหมายผ่านกิจกรรม  Who got the girl?’ ในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับจุดขายที่เหนือกว่าของกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทใหม่ของบราเดอร์ทั้ง 5 รุ่น นอกจากนี้ บราเดอร์ ยังวางแผนที่จะจัดโรดโชว์เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายในจุดหลักๆ ทั่วประเทศ ดังที่เราได้ทำต่อเนื่องมาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยสร้างการเติบโตในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอย่างเห็นได้ชัด โดยกิจกรรมทางการตลาดจะถูกสร้างสรรค์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เป็นหลัก

 

ด้านปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทในไทยนั้น นายธีรวุธ กล่าวแสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า “การขยายตัวของธุรกิจในกลุ่ม SOHO และ เอสเอ็มอี ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ต่อปีถือเป็นแรงหนุนหลักที่สำคัญ เพราะกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่เริ่มลงทุน ดังนั้นการเลือกซื้อสินค้าจะเน้นไปที่คุณภาพและความคุ้มค่าเป็นสำคัญ นอกจากนี้ เรื่องบริการหลังการขายที่สะดวกสบายยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำธุรกิจดำเนินไปได้อย่างไม่สะดุด

ด้วยเหตุนี้ กระแสนิยมกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทในไทยจึงเติบโตดังเช่นปัจจุบัน และการที่บราเดอร์พัฒนากลุ่มอิงค์แทงค์ขึ้นนั้น จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นและความสะดวก เพราะเป็นการพัฒนาจากเจ้าของแบรนด์โดยตรง ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยการดัดแปลงจากผู้ใช้ที่จะทำให้ประกันตัวเครื่องสิ้นสุดลง เมื่อพิจารณาถึงความคุ้มในทุกปัจจัย จึงทำให้บราเดอร์ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก และเชื่อว่าการรุกตลาดของเราในครั้งนี้ จะเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้บราเดอร์ก้าวสู่ผู้นำกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทในไทยได้ในเวลาอันใกล้นี้”

 

ทั้งนี้ เครื่องพิมพ์บราเดอร์อิงค์เจ็ท 5 รุ่นใหม่ ประกอบด้วย DCP-T310 ราคา 4,990 บาท (พิมพ์, สำเนา, สแกน), DCP-T510W ราคา 5,490 บาท และ DCP-T710W ราคา 6,790 บาท (พิมพ์, สำเนา, สแกน และเชื่อมต่อแบบไร้สาย), MFC-T810W ราคา 7,490 บาท (พิมพ์, สำเนา, สแกน, แฟกซ์ และเชื่อมต่อแบบไร้สาย) โดยทั้ง 4 รุ่นได้เริ่มวางจำหน่ายแล้ว และรุ่นที่ถือเป็นไฮไลท์ คือ MFC-T910DW (พิมพ์ 2 หน้า สำเนา, สแกน, แฟกซ์ ด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย LANและระบบไร้สาย) โดยจะวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้

 

สำหรับในช่วงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ บราเดอร์ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ รับประกันนานถึง 2 ปี หรือ 30,000 แผ่น (ขึ้นอยู่กับระยะใดถึงก่อน) เมื่อผู้ซื้อลงทะเบียนผ่าน www.brother.co.th ภายใน 15 วันนับจากวันที่ซื้อ ด้านบริการหลังการขายปัจจุบัน บราเดอร์ มีศูนย์บริการทั่วประเทศรวม 141 แห่ง โดยแบ่งเป็นศูนย์บริการที่บริหารโดยบราเดอร์ในแต่ละภูมิภาคจำนวน 5 แห่ง และศูนย์บริการแต่งตั้งซึ่งบริหารงานโดยตัวแทนแต่งตั้งจำนวน 136 แห่ง ลูกค้าจึงมั่นใจได้ด้านงานบริการ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook