สรุปประเด็น: Facebook, Cambridge Analytica และโดนัลด์ ทรัมป์ กับการละเมิดข้อมูลผู้ใช้ 50ล้านยูสเซอร์

สรุปประเด็น: Facebook, Cambridge Analytica และโดนัลด์ ทรัมป์ กับการละเมิดข้อมูลผู้ใช้ 50ล้านยูสเซอร์

สรุปประเด็น: Facebook, Cambridge Analytica และโดนัลด์ ทรัมป์ กับการละเมิดข้อมูลผู้ใช้ 50ล้านยูสเซอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Facebook ได้มีประเด็นร้อนแรงกับ Strategic Communication Laboratories (SCL) และบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางการเมือง Cambridge Analytica ซึ่งเกี่ยวโยงถึงการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2016

Cambridge Analytica สำคัญอย่างไร ?

Cambridge Analytica เป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของประเทศอังกฤษ ซึ่งมี Strategic Communication Laboratories (SCL) เป็นบริษัทแม่

Cambridge Analytica ได้ช่วยทำแคมเปญทางการเมืองหรือหาเสียง โดยรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เข่น ข้อมูลออนไลน์ หรือการทำโพล เป็นต้น เพื่อสร้างโปรไฟล์ของผู้คะแนน เพื่อให้สามารถสร้างโฆษณารูปแบบพิเศษที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ลงคะแนนได้ แล้วจึงใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการคาดการณ์พฤติกรรมของผู้ลงคะแนน

ข้อมูลที่ Cambridge Analytica นำมาวิเคราะห์นั้นมีมากถึง 5,000 จุดข้อมูล (Data Point) จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันมากกว่า 230 ล้านคน

ปล. จุดข้อมูล (Data Point) จุดที่เกิดของข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองและสภาพแวดล้อมที่ปรากฏ เพื่อนำข้อมูลนั้นไปแลกเปลี่ยนและจัดเก็บเพื่อให้ถูกนำไปใช้ประมวลผลต่างๆได้ Facebook เกี่ยวข้องอย่างไร ?

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2018 (ตรงกับวันที่ 17 มีนาคม 2018 ของประเทศไทย) ทาง Facebook ได้ประกาศระงับการใช้งานบัญชีของ Strategic Communication Laboratories (SCL) และ Cambridge Analytica เนื่องจากละเมิดนโยบายการเข้าถึงข้อมูลมากกว่า 50 ล้านยูสเซอร์ โดยที่ผู้ใช้ไม่ได้อนุญาต

Facebook ได้อธิบายในแถลงการณ์ว่า Cambridge Analytica ได้รับข้อมูลมาจาก Aleksandr Kogan อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อปี 2016 ซึ่งเขาได้สร้างแอป “thisisyourdigitallife” โดยอ้างว่าเป็นเครื่องมือในการวิจัยสำหรับนักจิตวิทยา

แอปดังกล่าวจะขอให้ผู้ใช้ Log In โดยการใช้บัญชี Facebook ของผู้ใช้ และเข้าถึงโปรไฟล์ของผู้ใช้ รวมถึงข้อมูลของเพื่อนผู้ใช้ด้วย โดยมีผู้ดาวน์โหลดมากถึง 270,000 ดาวน์โหลด และล็อกอินผ่านทาง Facebook

ทาง Facebook ได้กล่าวว่า การที่ Kogan ส่งข้อมูลผู้ใช้ให้กับ Cambridge Analytica โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ ถือเป็นการละเมิดกฏสำคัญของโซเชียลเน็ตเวิร์ค

โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวข้องอย่างไร ?

ทีมแคมเปญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จ้างให้ Cambridge Analytica มาช่วยเก็บข้อมูลและดำเนินการด้านยุทธศาสตร์ในระหว่างการเลือกครั้งเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา เข่นระบุทั้งผู้ลงคะแนนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย, การโฆษณา และอื่นๆอีกมากมาย

ทางทำเนียบขาวยังมิได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ Cambridge Analytica ยังเคยทำแคมเปญให้กับ สมาชิกวุฒิสภา เท็ด ครู๊ซ และผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เบน คาร์สัน

สื่ออังกฤษเปิดโปง Cambridge Analytica

จากวิดีโอที่ได้รับการเปิดเผยจากทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 ของประเทศอังกฤษ ได้เผยให้เห็นว่า Alexander Nix ซีอีโอของ Cambridge Analytica กล่าวถึงกลยุทธิ์ที่เขาใช้ในการทำแคมเปญหาเสียงให้กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2016

ประเด็นสำคัญคือ วิธีการต่างๆที่ Alexander Nix ได้อธิบายนั้น มีทั้งการติดสินบน, แบล็คเมล, โฆษณาข้อความป้ายสีนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งคนสำคัญจากพรรคเดโมแครต, ทำแคมเปญในรูปแบบดิจิทัล, โฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ โดยใช้งานวิจัย, ข้อมูล และบทวิเคราะห์ทั้งหมด

ล่าสุด ทาง Cambridge Analytica ได้สั่งระงับการทำงานของ Alexander Nix ได้จะถูกสอบสวนจากกรณ๊ที่เขาได้กล่าวในวิดีโอข้างต้นนี้

ผลกระทบต่อ Facebook และสื่อโซเชียลอื่นๆ

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อ Facebook โดยตรง รวมถึงสื่อโซเชียลอื่นๆ ด้วย ดังนี้

ในวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม 2018 หุุ้นของ Facebook ได้ดิ่งราคาลง (ใน 1 วัน) มากที่สุดในรอบ 5 ปี คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดที่สูญเสียไปมากถึง 4.3 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 15 เหรียญต่อหุ้น รวมถึงหุ้นของ Twitter และ Snap ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

Alex Stamos หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Facebook จะลาออกจาก Facebook ในปีนี้ Facebook ถูก FTC (Federal Trade Commission: คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ) สอบสวน ในกรณ๊การรับมือกับการใช้ข้อมูล

Facebook ถูกสอบสวนโดยอัยการนิวยอร์ค และแมสซาชูเซตส์ ในด้านความปลอดภัย จากกรณี Cambridge Analytica สุดอื้อฉาวนี้

ทำให้เกิดกระแสแฮชแทก #deletefacebook ในสื่อโซเชียลต่างๆ รวมถึง ไบรอัน แอคตัน อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp ที่ Facebook ได้ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2014 ด้วยมูลค่า 1.6 หมื่นล้านเหรียญ ได้กล่าวผ่าน Twitter ว่า “Delete Facebook”

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook