Hands On : Samsung Galaxy Note 20 Series สมาร์ตโฟนตระกูล Note รุ่นใหม่หลังการเปิดตัว!

Hands On : Samsung Galaxy Note 20 Series สมาร์ทโฟนตระกูล Note รุ่นใหม่หลังการเปิดตัว!

Hands On : Samsung Galaxy Note 20 Series สมาร์ทโฟนตระกูล Note รุ่นใหม่หลังการเปิดตัว!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

และแล้ววันนี้ก็มาถึงกับการเผยโฉมครั้งแรกของ Samsung Galaxy Note 20 Series ประกอบไปด้วย Galaxy Note 20 และ Galaxy Note 20 Ultra จริงๆ แล้วมีอย่างอื่นด้วย แต่สำหรับในบทความนี้ขอเจาะลึก Samsung Galaxy Note 20 Series กันก่อน มาเริ่มกันเลย 

 

รูปลักษณ์เมื่อแรกเห็น 

เริ่มต้นกับดีไซน์ด้านหน้ายังคงยึดติดกับการใช้หน้าจอแบบ Infinity-O Display ที่มีกล้องอยู่ตรงกลางเหมือนเดิม โดยกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซลเท่าเดิม และมาพร้อมกับกระจกหน้าจอแบบใหม่ Gorilla Glass 7 ครั้งแรกของมือถือที่ขายอยู่ในเมืองไทย 

Samsung Galaxy Note 20 Series

รอบตัวเครื่องมีรายละเอียดที่น่าสนใจคือการย้ายปุ่มกดไปอยู่ฝั่งขวาทั้งหมด และขอบตัวเครื่องหากใครใช้ Galaxy Note 10+ อยู่แล้วรุ่นใหม่สังเกตง่ายคือ ขอบนั้นจะบางลงอีก และขอบหน้าจอจะกลับโค้งและหักลงมา องศาจะมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนรุ่นเล็กอย่าง Galaxy Note 20 ได้หน้าจอเรียบขอบเครื่องก็เลยจะไม่มีอะไรมาก 

Samsung Galaxy Note 20 Series

Samsung Galaxy Note 20 Series

ส่วนบนยังคงเป็นช่องใส่ซิมกับไมโครโฟนตัวที่ 2 ของเครื่อง โดยช่องใส่ซิม Galaxy Note 20 จะไม่สามารถเพิ่มการ์ดความจำได้ ส่วน Galaxy Note 20 Ultra จะเป็น Nano SIM + Hybrid Slot สามารถเปลี่ยนมาเพิ่ม Micro SD ได้สูงสุด 1 TB 

Samsung Galaxy Note 20 Series

ด้านล่างสุด มีเพียงไมโครโฟนพร้อมกับ USB-C มาให้และมีไมโครโฟนสำหรับสนทนาหรืออัดเสียงสำหรับวิดีโอ เท่านั้น

Samsung Galaxy Note 20 Series

ด้านหลังของเครื่องมีความแตกต่างจาก Note 10 อย่างมาก โดยตำแหน่งกล้องมีขนาดใหญ่ขึ้น คราวนี้กล้องของ Note 20 ทั้ง 2 รุ่นลดเหลือ 3 ตัวเท่ากัน พร้อมกับกระจกด้านหลังเป็นแบบ Gorilla Glass 7 

Samsung Galaxy Note 20 Series(ซ้าย) Mystic Bronze (ขวา) Mystic Green

โดยสรุปความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra ของดีไซน์จะมีดังนี้ 

  • หน้าจอของ Samsung Galaxy Note 20 จะมีขนาด 6.7 นิ้วเป็นแบบ Super AMOLED+  
  • หน้าจอของ Samsung Galaxy Note 20 Ultra ขนาด 6.9 นิ้ว ได้หน้าจอแบบ Dynamic AMOLED+ พร้อมกับฟีเจอร์ refresh rate 120 Hz 
  • กล้องแม้ว่าจะคล้ายกัน แต่ที่แตกต่างกันชัดเจนคือ Galaxy Note 20 Ultra กล้องซูมเป็น Periscope และมี Laser Auto Focus มาให้ และกล้องจะนูนกว่าชัดเจน 

สีที่ Samsung Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra ที่จะจำหน่ายในประเทศไทยไทยคือ   

  • Note 20 = Mystic Green / Mystic Bronze / Mystic Black  
  • Note 20 Ultra = Mystic Bronze / Mystic Black / Mystic White (คาดว่าตามมาทีหลัง) 

Samsung Galaxy Note 20 Seriesสี Mystic Black (Galaxy Note 20 ซ้าย) สี Mystic Bronze (Galaxy Note 20 Ultra ขวา)

สเปกและฟีเจอร์ที่สำคัญและต้องรู้

สเปกของ Samsung Galaxy Note 20

  • ขนาดตัวเครื่อง 161.6 x 75.2 x 8.3 มิลลิเมตร  
  • น้ำหนัก ยังไม่ทราบ แต่เบากว่า Note 20 Ultra แน่นอน 
  • หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super AMOLED ในแบบ Infinity O Display   
  • ความละเอียดหน้าจอ 2400x1440 หรือ WQHD+ อัตราส่วน 20:9 ส่วนค่า Refresh Rate 60Hz รองรับการแสดงผล HDR10+  
  • กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 7 ครอบกระจกหน้า  
  • กันน้ำเหมือนเดิม IP 68  
  • ปากกา S Pen มีการปรับปรุงให้ตอบสนองได้ในระดับ ultra-low latency แบบ 26ms.   
  • Android 10 ครอบด้วย One UI 2.5   
  • มีระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ  
  • ลำโพง Stereo ปรับจูนโดย AKG   
  • RAM 8GB   
  • ความจำจะมีให้เลือก 256 ความจำแบบ UFS 3.1 เพิ่มความจำไม่ได้ 
  • รองรับ eSIM   
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.2, NFC และรองรับ USB-C เวอร์ชั่น 3.2   
  • แบตเตอรี่ 4300 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 45W รองรับทั้ง ชาร์จไร้สายและ Reverse Wireless Charging   
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย  
  • ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมกว้าง และมีเทคโนโลยี Dual Pixel  รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K 30 FPS   
  • กล้องมุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล และ F2.2   
  • กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รองรับการซูมแบบ Optical 3 เท่า และ ไกลสุด 30 เท่า 
  • กล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล Dual Pixel  
  • รองรับ Wireless DEX และการทำงานร่วมกับ Project xCloud  
  • สีมีให้เลือกทั้ง Mystic Black และ Mystic Bronze และ Mystic Green 

สเปกของ Samsung Galaxy Note 20 Ultra

  • ขนาดตัวเครื่อง 164.8 x 77.2 x 8.1 มิลลิเมตร 
  • น้ำหนัก ยังไม่ทราบ
  • หน้าจอขนาด 6.9 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super AMOLED ในแบบ Infinity O Display  
  • ความละเอียดหน้าจอ 3200x1440 หรือ WQHD+ อัตราส่วน 19.3:9 ส่วนค่า Refresh Rate 120Hz รองรับการแสดงผล HDR10+ 
  • กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 7 ครอบกระจกหน้า 
  • กันน้ำเหมือนเดิม IP 68 
  • ปากกา S Pen มีการปรับปรุงให้ตอบสนองได้ในระดับ ultra-low latency แบบ 9ms.  
  • Android 10 ครอบด้วย One UI 2.x  
  • มีระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ 
  • ลำโพง Stereo ปรับจูนโดย AKG  
  • RAM 12GB  
  • ความจำจะมีให้เลือก 256 / 512GB ความจำแบบ UFS 3.1 เพิ่มความจำผ่าน microSD ได้ 
  • รองรับ eSIM  
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.0 ขึ้นไป NFC และรองรับ USB-C เวอร์ชั่น 3.2  
  • แบตเตอรี่ 4500 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 45W รองรับทั้ง ชาร์จไร้สายและ Reverse Wireless Charging  
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย 
    • ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มุมกว้าง และมีเทคโนโลยี Dual Pixel พร้อมกับ Laser Focus รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K 30 FPS  
    • กล้องมุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล และ F2.2  
    • กล้อง Periscope ซูมได้ 5 เท่าในแบบ Optical Zoom และทำได้มากสูดที่ 50X  
    • กล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล Dual Pixel 
  • สีมีให้เลือกทั้ง Mystic Black Mystic White (ยังไม่เข้าจำหน่ายในเมืองไทย ในช่วงแรก) และ Mystic Bronze

 

ขึ้นชื่อว่า Samsung Galaxy Note 20 Series ก็ต้องพูดถึงมือถือระดับ Power Phone หนึ่งเดียวที่มีปากกาและสามารถใช้งานจริงที่ครองใจคนทั่วโลก สำหรับ Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra มีการเพิ่มฟีเจอร์ความสามารถที่ตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการใช้เพื่อความบันเทิงผ่าน สโลแกน The Power Phone Crafted for Work & Play  โดย Samsung ได้แบ่งออกเป็น 4 เรื่องที่นำเสนอได้แก่

Power To Work  การทำได้ที่ไร้ขีดจำกัด

Samsung Galaxy Note 20 Series

Samsung Galaxy Note 20 Series

ในส่วนของการใช้งานหรือ Productivity ในตัว Samsung Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra มากกว่าเดิม ด้วยฟีเจอร์ครบครันไม่ว่าจะเป็น

  • ปากกา S Pen จะเขียนติดได้เร็วมากขึ้น โดยค่า Latency ต่ำเพียง 9 ms. (Note 20 Ultra) ทำให้ปากกาของ Galaxy Note 20 Ultra เขียนได้ใกล้เคียงกับกระดาษมากขึ้น ส่วน Galaxy Note 20 จะได้ปากกาที่มีการตอบสนองที่ 26 ms.
  • เพิ่มฟีเจอร์ S Pen Gesture Control จะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานได้มากขึ้น โดยแบ่งคำสั่งของปากกาที่เพิ่มเข้ามาดังนี้
    • การทำซิกแซกหน้าจอ = Screen Writer เขียนหน้าจอได้
    • เครื่องหมายมากกว่า = ย้อนกลับ
    • เครื่องหมายน้อยกว่า =  เรียกหน้าเปิด Apps ก่อนหน้า (Recent Apps)
    • เครื่องหมายตัว แลมด้า (A ไม่มีขีดกลาง) = กลับหน้า Home
    • เครื่องหมาย V = Smart Select เลือกส่วนของหน้าจอได้ 
  • Advance Intelligent Assistant สามารถแปลงจากการ Note เป็น Power Point ได้ หรือจะนำเข้าและแก้ไข PDF เราสามารถเขียนลงไปและส่งให้เพื่อนได้เลย 
  • Note Taking จะมีการเขียนและพิมพ์ทำได้พร้อมกัน Easy Type & Write สามารถทำให้บรรทัดปรับให้ตรงและทำงานต่อได้ลงตัว
  • Audio Bookmark สามารถบันทึกเสียงและเขียนได้จะปรากฏได้
  • AI Near Note สามารถปรับให้ Note ที่จะให้ตรง แม้จะเขียนเอียงแค่ไหนก็ตาม แต่ต้องดูให้เป็นตัวอักษรนะ
  • การจัดการ Note เป็นแบบ Folder Structure แบ่ง Note สามารถหาได้ง่ายและ มีการ Template ที่ดีขึ้น 
  • สามารถทำงานเป็นทีมได้ง่ายมากขึ้น ผ่าน Note Live Sync ถ้ามี Samsung Account ที่เป็น Public สามารถปรับและทำงานเป็นทีมก็ได้ หรือ จะเขียน Note ในมือถือระหว่างเขียนที่อื่นก็จะอยู่ที่กลาง เปิดได้หลาย Device พร้อมกันได้ หากเขียนที่ตรงไหนก็จะสามารถแก้ที่เครื่องนั้นได้
  • Link To Windows ปรับปรุงให้ Mobile Apps ใช้งานบน PC ได้มากขึ้นใช้ได้มากสุด 6 Apps  
  • Wireless Dex อันนี้คือเรื่องใหม่ เป็นต่อเชื่อม Dex แบบไร้สาย สามารถใช้งานได้ 2 Apps พร้อมกัน (หน้าจอ และ มือถือ) ที่ทำได้เพราะเป็น Mirror Cast ทีมีรองรับแค่ Mirror Cast ก็พอแล้ว มือถือต่อเชื่อมระหว่าง Mouse และ Keyboard ก็ได้เช่นเดียวกัน และสามารถใช้ S Pen Control เปลี่ยนสไลด์ได้ 
  • รองรับการเปิด Multi Windows ผ่านคำสั่ง Keyboard นั่นคือ Windows + Arrow เป็นการเปิด 2 หน้าจอ และเปิด Popup ของ Apps อื่นได้ด้วย 
  • ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน Virtual Keyboard หรือ Virtual Mouse ได้ทันที 
  • Dex มาพร้อมกับ One UI เวอร์ชั่นใหม่ ใกล้เคียง PC และ สอดคล้องกับ คำสั่งบน Keyboard เหมือนกับ Windows 10  เช่นการเปลี่ยนภาษา สามารถตั้งค่างตามที่เราถนัดมากขึ้น

Power To Play เล่นให้สุดกับกล้องมากความสามารถ

Samsung Galaxy Note 20 Series

เรื่องกล้องของ Samsung Galaxy Note 20 Series ที่นอกจากสเปกอัปเกรดจนเรียกได้ว่า Note 20 ได้กล้องเทียบเท่ากับ S20 Series แต่ว่าจะปรับให้ความสว่างมากขึ้น ส่วน Galaxy Note 20 Ultra ก็ได้คล้ายกับ Galaxy S20 Ultra แล้ว ยังมีการเพิ่มลูกเล่นต่างๆ มากมาย จนเรียกได้ว่าเอาใจนักสร้างสรรค์งานวิดีโอ รวมไปถึงคนที่เป็น Vlogger หรือ คนทั่วไปที่รักการถ่ายภาพได้ดีพอสมควรตั้งแต่ฟีเจอร์  

  • รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ FHD 120 FPS 
  • 8K 24 FPS/ 21:9 ratio 
  • เพิ่มเมนู Adjustable Zoom Speed จะเป็นฟีเจอร์ที่สามารถซูมเข้าออกได้ในรูปแบบของวิดีโอโปร ทำให้เราสามารถดึงภาพหรือซูมออกในระยะที่คมชัดมากขึ้น (เปิดที่ More > Pro Video > Zoom) 
  • Muti Sorce Mic Control จะรองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟนได้ โดยใช้แทน ไมค์ลอยได้  ปรับไมโครโฟนเครื่องได้ 3 รูปแบบ Default, หน้า และ หลัง เชื่อมต่อไมค์ทั้ง USB และ Bluetooth 
  • นอกจากนี้ยังใช้ Samsung Galaxy Buds ในการใช้เป็นไมโครโฟนอัดเสียงได้ และมีการลดเสียงได้ 
  • ส่วนภาพนิ่งจะได้ระบบ Laser Focus ทำให้ระบบโฟกัสทำงานไวขึ้นและหลุดน้อยลง
  • และยังเชื่อมต่อกับ X Box ทำให้สามารถนำเกม PC ชื่อดังไปเล่นในรูปแบบ Cloud และต่อเชื่อมกับ จอยของ XBox ได้

Next to Level Power พลังเหลือล้น

Samsung Galaxy Note 20 Series

กับสเปกที่ได้เผยไปตั้งแต่ต้นคราวนี้เรามาลงรายละเอียดของพลังในตัว Galaxy Note 20 กันดีกว่า เริ่มต้นจากการที่ ขุมพลังก็ยังคงเป็น Exynos 990 ที่อัปเกรดและแก้ปัญหาจากรุ่นเดิมมาแล้ว ซึ่งจะดีหรือไม่ขอทดลองในบทความรีวิวต่อไป นอกจากนี้ยังเรื่องอื่นๆ เช่น 

  • การเปลี่ยน Port เป็นแบบ USB-C 3.1 
  • Note 20 Ultra หน้าจอ 120 Hz มาพร้อมกับฟีเจอร์ Adapt to Content จะสามารถลดค่า Refresh Rate ลงมาได้ หากไม่ได้เล่นเกม หรือต้องการใช้งาน Refresh Rate สูงได้ๆ และมีการเพิ่มความสว่าง 
  • ขนาดของแบตเตอรี่ใน Galaxy Note 20 = 4300 mAh Galaxy Note 20 Ultra 4500 mAh รองรับ Wireless Chage Wireless Power Share ได้ และระบบชาร์จไฟเร็วเท่ากับ Galaxy Note 10 และ Note 10+ รุ่นที่แล้วทุกประการ
  • รองรับ 5G ความถี่ N41 (2600MHz) / N28 (700 MHz)
  • สามารถรองรับ Nano SIM 2 ช่อง และ eSIM สามารถเปิดพร้อมกับได้ 2 SIM เท่านั้น กรณีที่ใส่ eSIM และ Nano SIM 2 อันพร้อมกัน เครื่องจะจับเครือข่ายแค่ 2 SIM ที่เป็นช่องซิมหลัก และ eSIM เท่านั้น
  • Galaxy Note 20 Ultra เป็นรุ่นเดียวที่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้ผ่านถาดใส่ซิม Hybrid Slot 

สรุปหลังจากได้สัมผัสแรกของ Samsung Galaxy Note 20 และ Note 20 Ultra ในระยะเวลาสั้นๆ 

Samsung Galaxy Note 20 Series

ถึงแม้ว่าเวลาจับเครื่องจะมีเพียงแค่เกือบ 1 ชั่วโมงและเท่าที่ได้ทดลองและสัมผัส Galaxy Note 20 Series เรียกได้ว่าหน้าตาของเครื่องปรับได้ดูหรูหรามากขึ้นแต่ก็ยังสามารถใช้ทำงานได้ดี และยังรองรับกับฟีเจอร์เพื่อการใช้งานแบบ Work Hard Play Hard ได้สบายแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการมือถือที่จบทุกสิ่งตั้งแต่ความบันเทิงและการทำงาน แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ลองประสิทธิภาพที่แท้จริง แต่ก็ยังเป็นอีกมือถือที่ปรับปรุงจากรุ่นเดิมได้น่าสนใจ ไม่ได้เปลี่ยนทั้งหมด แต่ใช้คำว่า ต่อยอดในจุดที่ขาดไป ได้ลงตัว

แต่ใครจะเหมาะกับขนาดไหนจากการวิเคราะห์และจับทั้งคู่ คำตอบที่ได้นั่นคือ

  • ถ้าคุณชอบมือถือตระกูล Note แต่ถ้า Galaxy Note 20 Ultra ที่จัดเต็ม ใหญ่เกินไป บางสิ่งที่ใช้ยังไม่จำเป็น เช่นกล้องซูมไม่ได้ใช้ และความจำเครื่องใช้เพียงพอไม่อยากซื้อการ์ด Galaxy Note 20 ถือว่าเป็นคำตอบที่ได้ รวมถึงคนอยากลอง Galaxy Note ครั้งแรกเช่นกัน
  • ถ้าคุณเป็นแฟนคลับของ Galaxy Note ตั้งแต่แรก(หรือไม่ได้เป็นแฟนของรุ่นนี้ก็ตาม) อยากได้มือถือที่มีความเปลี่ยนแแปลงที่น่าตื่นเต้น และเน้นการถ่ายภาพ ปากกาใช้จริง ซื้อเครื่องมาเพื่อใช้ทำงานจริงในหลายด้านที่มากกว่าความเป็นมือถือ และรับได้กับขนาดเครื่องใหญ่โต Galaxy Note 20 Ultra คือตัวเลือกที่คุณควรมอง

ส่วนราคาของ Samsung Galaxy Note 20 Series อย่างเป็นทางการจะมีดังนี้

  • Samsung Galaxy Note 20 5G เริ่มต้น 999 ดอลล่าร์สหรัฐฯ 30,100 บาท
  • Samsung Galaxy Note 20 5G เริ่มต้น 1,299 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 41,000 บาท
  • Samsung Galaxy Buds = 169 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,100 บาท
  • Samsung Galaxy Watch 3 LTE = ขนาด 41 mm. 429 ยูโร (15,800 บาท) ขนาด 45 mm. 459 ยูโร (16,900 บาท)
  • Samsung Galaxy Tab S7 11 นิ้ว LTE เริ่มต้น 800 ยูโร หรือประมาณ 29,000 บาท 
  • Samsung Galaxy Tab S7 12.4 นิ้ว 5G เริ่มต้น 1,100 ยูโร หรือประมาณ 40,500 บาท

(ราคาประเทศไทยประกาศ 6 สิงหาคม เวลา 10:00 )

  • Galaxy Note 20 LTE (RAM 8GB / 256GB) = 29,900 บาท
  • Galaxy Note 20 5G (RAM 8GB / 256GB) = 33,990 บาท
  • Galaxy Note 20 Ultra LTE (RAM 8GB / ROM 256GB) = 38,900 บาท
  • Galaxy Note 20 Ultra LTE (RAM 8GB / ROM 512GB)  = 42,900 บาท
  • Galaxy Note 20 Ultra 5G (RAM 12GB / ROM 256GB)  = 42,900 บาท
  • Galaxy Note 20 Ultra 5G (RAM 12GB / ROM 512GB)  = 46,900 บาท

สำหรับโปรโมชั่นที่เหลือคุณสามารถติดตามอ่านต่อทาง Sanook Hitech ได้เช่นเดียวกัน ส่วนรีวิวเต็มของ Samsung Galaxy Note 20 Series รวมถึง Gadget อื่นจาก Samsung โปรดติดตามที่ Sanook Hitech เร็วๆ นี้

Samsung Galaxy Note 20 Series

Samsung Galaxy Note 20 Series

Samsung Galaxy Note 20 Series

อัลบั้มภาพ 72 ภาพ

อัลบั้มภาพ 72 ภาพ ของ Hands On : Samsung Galaxy Note 20 Series สมาร์ทโฟนตระกูล Note รุ่นใหม่หลังการเปิดตัว!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook