รีวิว ROG Phone 5 อัปเกรดรอบตัว เพื่อความเป็นที่สุดของมือถือเล่นเกม อีกครั้ง

รีวิว ROG Phone 5 อัปเกรดรอบตัว เพื่อความเป็นที่สุดของมือถือเล่นเกม อีกครั้ง

รีวิว ROG Phone 5 อัปเกรดรอบตัว เพื่อความเป็นที่สุดของมือถือเล่นเกม อีกครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากพูดถึงมือถือเล่นเกมหลายคนก็คงคิดถึง ROG Phone เป็นที่แน่นอนในเรื่องสเปกและการจัดการเรื่องของความร้อนที่ไว้ใจได้เสมอ แต่สำหรับรอบนี้ การเดินทางของมือถือตระกูลนี้มาถึงรุ่นที่ 5 (ความจริงคือรุ่นที่ 4 แต่เลขดังกล่างของคนไต้หวัน ดูไม่เป็นมงคล) แล้ว ทีม Sanook Hitech ขอนำเสนอรีวิว ROG Phone 5 สเปกที่จำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จะเป็นอย่างไร มาเริ่มกันเลย

แกะกล่องของ ROG Phone 5 ประกอบด้วย

batch_sadsc00132

  • ตัวเครื่อง ROG Phone 5
  • สายชาร์จไฟ USB-C to USB-C
  • ปลั๊กชาร์จไฟ กำลัง 65W
  • เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
  • คู่มือ / สติ๊กเกอร์ ROG
  • เคส
  • ฝาปิดใต้เครื่องสำรอง
  • พัดลม Active Aero Cooler 5 (จะอยู่ในกล่องเล็ก)

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ ROG Phone 5

เริ่มต้นกับหน้าจอของ ROG Phone 5 จะมาพร้อมกับขนาด 6.78 นิ้ว โดยความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น FHD+ หรือ 2448x1080 พิกเซล เรียกได้ว่าหน้าจอของเครื่องยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม และความสว่างดูมากขึ้นและครอบบน Corning Gorilla Glass Victus

batch_sa20210529_113712

ด้านบนจะมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พร้อมกับ ลำโพงหน้าแบบ Stereo ด้านบน

batch_sa20210529_113726

ส่วนล่างมาพร้อมกับปุ่มกด ควบคุมการใช้งานตัวเครื่องพร้อมกับลำโพงด้านล่าง

batch_sa20210529_113720

สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนปุ่มนั้นสามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า) > Display (หน้าจอ) > System Bars (แทบแจ้งเตือน) > System Navigation (แถมนำทาง) จะเปลี่ยนได้ 2 แบบได้แก่ 

  • Gesture สำหรับการปัด โดยสามารถเลือกได้ทั้งปัดในแบบเดียวกับ Android 10 
  • ปุ่มกดปกติที่สามารถกด Back (สำหรับย้อนกลับ), Home (สำหรับกลับหน้าหลัก), Recent (สำหรับเรียก Apps ที่เปิดก่อนหน้านี้

รอบตัวเครื่องจะมาพร้อมกับการดีไซน์ขอบโลหะ ส่วนฝั่งขวาจะมาพร้อมกับ ปุ่มสำหรับปรับระดับเสียง, ปุ่ม Power สำหรับเปิด / ปิด ตัวเครื่องและมี Ultra Sonic สำหรับแตะเพื่อใช้ควบคุมในการเล่นเกม

ฝั่งซ้ายของเครื่องจะมาพร้อมกับช่องเสียบ SIM Card จะมาพร้อมกับ Dual SIM แบบ Nano SIM ข้อเสียคือ รูเปิดซิมการ์ด มันลึกจนต้องใช้เข็มถาดใส่ซิมที่ติดกล่องเท่านั้น

batch_sa20210529_113457

batch_sapxl_20210606_02141169
batch_sapxl_20210606_02144343
batch_sapxl_20210606_02145025

และมีแผ่นยางจะมาพร้อมกับช่องเสียบอุปกรณ์เสริมอย่างพัดลม Aeroactive Cooler 5 ที่มีปุ่มอีก 2 จุดให้สามารถกดควบคุมการเล่นเกมได้

batch_sa20210529_141308

batch_sa20210529_141313
batch_sa20210529_141323
batch_sa20210529_141408
batch_sa20210529_141448

ด้านบนของเครื่อง จะมาพร้อมกับไมโครโฟนของเครื่องและมีเส้นของเสาอากาศรอบทิศทั้งบนและล่างแบบเดียวกัน

batch_sa20210529_113516

ด้านล่างสุดของเครื่อง จะมาพร้อมกับช่องเสียบ USB-C, ช่องเสียบหูฟังที่กลับมาแล้ว และมีไมโครโฟนอีกตัวหนึ่ง

batch_sa20210529_113536

พลิกมาด้านหลังจะมาพร้อมกับการดีไซน์แบบ Dotted Matrix Design ทำให้การออกแบบสวยงามและมีโลโก้ ROG ที่สามารถสีสันที่ของไฟมีหลากหลายสี แต่ว่าไม่มีช่องระบายอากาศมาให้มาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวจัดวาง Layout เหมือนกับ ROG Phone 3 ที่ได้รีวิวเมื่อปีที่ผ่านมา และมี LED Flash และเป็นผิวกระจกทั้งหมด

batch_sa20210529_113347
batch_sa20210529_113945

ภาพรวมของการออกแบบ

batch_sa20210529_113910

ตัวเครื่องมีความยาวกว่าเดิม ขอบน้อยลงก็จริงและส่วนของลำโพงจะเล็กลงแต่ว่าก็ออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถถือได้ง่าย น้ำหนักเครื่องแม้ว่าจะหนักแต่ว่าการแบ่งแบตเตอรี่มีขนาด 3000 mAh ทั้งหมด 2 ก้อนทำให้การกระจายน้ำหนักทำได้ดีครับ อย่างไรก็ตามสีของเครื่องรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งหมด 2 สีทั้งสีขาวและสีดำ และเป็นผิวเงา

และอุปกรณ์เสริมบางชิ้นใช้กับรุ่นเดิมได้ เช่น ROG Kunai 3 ที่ใช้พัดลม Aero Active 5 ตั้ง, ROG Clip อุปกรณ์ต่อกับจอย ซึ่งใช้กับรุ่นเดิมได้ และ Aero Case สามารถใช้ร่วมกับพัดลม Aeroactive Cooler 5 แต่รุ่นนี้ไม่มี TwinView Dock มาให้นะครับ

เปิดเครื่องทดลองใช้ ROG Phone 5

รายละเอียดสเปกของ ROG Phone 5

  • สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 172.8 x 77.3 x 10.3  มม. 
  • น้ำหนัก: 238 กรัม 
  • การป้องกันน้ำและฝุ่น : ไม่ระบุ 
  • หน้าจอ: AMOLED 1B ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2448 x 1080 พิกเซล พร้อมกับค่า Refresh Rate 144Hz, Touch Sampling Rate 300 Hz
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 Octa-core | GPU Adreno 660  
  • แรม : 12 / 16GB  
  • ความจำภายใน : 128 / 256GB  
  • ความจำภายนอก : - 
  • การเชื่อมต่อไร้สาย : 5G/4G LTE, WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX (WiFi 6), Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS  
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 11
  • ระบบความปลอดภัย 
    • ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ Optical ในหน้าจอ 
    • ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า 
  • กล้องหลัง 3 ตัว :  
    • กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล (F/1.8) PDAF  
    • 13 ล้านพิกเซล (2, Ultra-Wide)  
    • 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Macro  
  • กล้องหน้า: 24 ล้านพิกเซล (F/2.5)  
  • ช่องเสียบ : USB-C ทั้งหมด 2 ช่องด้านข้างและด้านล่าง และ ช่องเสียบหูฟ้ง 3.5 มิลลิเมตร
  • แบตเตอรี : 6000 mAh + Rog Hyper Charge 65W  รองรับ Power Delivery 3.0 จ่ายไฟกลับไปได้กำลัง 10W
  • สี : Phantom Black, Storm White

ผลการทดสอบประสิทธิภาพ  / ฟีเจอร์การเล่นเกม

ผลการทดสอบประสิทธิภาพ จาก AnTuTu = 680,829 (Dynamic Mode) 814,998 (X-Mode+)

batch_sarog_geekbench

ผลการทดสอบรประสิทธิภาพจาก Geekbench = 641 / 3075 (Dynamic Mode) | 1116 / 3566 (X-Mode+)

batch_sa20210529_142006

เรียกได้ว่าสเปกของ ROG Phone 5 จะมีประสิทธิภาพแรงมากเพราะขุมพลัง Snapdragon 888 แต่เนื่องจากมีแค่แผ่นการจายความร้อนในตัวบางลง แต่ว่าไม่มีช่องระบายเน้นเรื่องการทยอยออกได้ดี อย่างไรก็ตามถ้าเสียบพัดลม Aero Active Cooler 5 จะทำให้ช่วยได้ดีกว่าเดิม เพราะบานพัดลมใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม

แต่เบื้องหลังของการทำงานของการเล่นเกมที่ดีของมือถือรุ่นนี้ จะอยู่ใน 2 ส่วนคือการเปิด X-Mode / X-Mode+ ที่นอกจากบูสต์เครื่องบ้าพลังและสามารถเร่งกับเกมในโหมด Gaming Mode, Hardcore Mode ที่ทำให้ดึงศักยภาพของเกมเข้ามาได้แบบเต็มที่เลยครับ แต่ที่เหลือจากภาพทั้ง Dynamic, Ultra Durable และ Advance จะไม่ได้ดึงประสิทธิภาพมากนัก

batch_sarog_game_genie

การควบคุมผ่าน Aero Active Cooler 5

การควบคุมผ่าน Ultrasonic Button

ส่วนการควบคุมของการเข้าหน้าเกมอย่าง Game Genie จะสามารถควบคุมได้แบบครบเครื่องมากเช่น การล็อคความสว่างหน้าจอ, การแสดงผลความร้อนและการทำงาน CPU, มีการปรับฟีเจอร์ทั้ง Crosshair ศูนย์เลงที่ปรับได้หลากหลายแบบสีสัน และยังมีฟีเจอร์การกดทั้ง Ultrasonic Button, Motion Sensor และ ปุ่มกดที่พัดลม หรือ Cooler Button เช่นเดียวกัน

การเชื่อมต่อ /  ระบบนำทาง

batch_sa20210529_101741

ส่วนระบบการเชื่อมต่อไร้สายมาพร้อมกับ Wi-Fi 802.11 AX หรือ Wi-Fi 6 / 6E รองรับ Bluetooth 5.2, 5G แต่ยังเป็นคลื่น 2600 MHz และเชื่อมต่อ GPS ได้ลงตัวมากขึ้น และนอกจากนี้มีการออกแบบเสาอยกาสศใหม่ที่ทำให้การรับสัญญาณมีความเสถียรมากกว่าเดิม

การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง

batch_sadsc00143

หน้าจอของ ROG Phone 5 จะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่กว่าเดิม จะมาพร้อมกับ 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2448 x 1080 พิกเซล โดยจะมีค่า Refresh Rate 144Hz แต่ว่าหน้าจอมีการเปลี่ยนค่าสัมผัสเป็น 300Hz ทำให้หน้าจอถือว่าทำงานได้เร็วมากขึ้นทำกับค่าความหน่วงที่ 24.3 ms. หน้าจจะแสดงผล HDR10+, deltaE < 1, DCI-P3 gamut ครบเครื่องและยังรงรับการถนอมสายตาที่ดี หน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นจอของ Samsung AMOLED

batch_sa20210529_113720

นอกจากภาพจัดเต็มแล้ว ในเรื่องระบบเสียงที่ได้รับการยกให้เสียงดีจาก DXOMark ด้วยเทคโนโลยีที่มีลำโพงด้านบนมาให้พร้อมกับ Dirac, ESS จากช่องเสียบหูฟัง, Hi-Res,Qualcomm aptX Adaptive โดยการวางลำโพงนั้นเป็นแบบ Symmetical Dual Front-facing จะมีขนด 12x16 มิลลิเมตร ใหญ่กว่าเดิม 25% และให้พลังมากกว่าเดิม 21% สิ่งที่ได้คือเสียงมีมิติมากขึ้นเล่นเกมจะเก็บรายละเอียดของเสียงได้ดีเช่นถ้าคนที่เล่นเกมแนวยิง จะรู้ว่าคนอยู่ทิศไหนและมีการตั้งระบบสั่นเตือนได้ด้วย

แถมมีการปรับ AudioWizard จะมีการปรับ Profile 4 โหมด พร้อมกับปรับแต่งได้ ช่วยให้กระจายเสียงได้ดี และไมโครโฟนของเครื่องมีทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน  และมี GameFX มาให้ด้วย

ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย

batch_sarog_ui

batch_sarog_theme

ส่วนระบบปฏิบัติการของเครื่องจะมาพร้อมกับ Android 11 มาพร้อมกับ ROG UI รอบนี้จะมีการผสมระหว่าง Pure Android โดยมี Theme ที่มีลูกเล่นเวลาเข้า X Mode ที่เปลี่ยนสีและแสดง Effect แบบครบเครื่อง แต่ว่ารอบนี้จะมาพร้อมกับการเปลี่ยน Theme เกมโปรดของคุณได้หลากหลายผ่าน Store และมีแถมฟรีให้ทั้งหมด 4 เกมด้วยครับ

batch_sarog_multi

และนอกจากนี้ยังสามารถแบ่งเป็น Mult Window และเป็น Popup ได้

batch_sarog_arm3

ส่วนฟีเจอร์นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์การเล่นเกมแบบอัดแน่นปรับแต่ผ่าน Armoury Crate รายละเอียดมีดังนี้

  • ตัวปรับประสิทธิภาพเกม หรือ ตัวเลือกออฟชั่นแต่ละเกมที่ทำให้การเล่นเกมของคุณสนุกมากขึ้น โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ได้ดังนี้ 
  • ค่าความไวของการทัชสกรีน 
  • การกำหนดความลื่นไหวของการสไลด์ 
  • ป้องกันการกดขอบเวลาที่เราเผลอไปกดด้านข้าง 
  • การปรับค่า Refresh Rate หรือการกระพริบของหน้าจอ และยังมีการตั้งค่าเกี่ยวกับ การควบคุมทั้ง ท่าทาง / Ultrasonic Button / ปุ่มที่ Aero Active Cooler 5 โดยทำงานร่วมกับการตั้งค่าก่อนเล่นเกมผ่าน Armoury Crate และตั้งค่าระหว่างเล่นเกมผ่าน Game Genie มีตัวอย่างการตั้งค่าดังนี้

  • Motion Sensor 
    • การขยับเครื่อง ซ้ายขวา, เคลื่อนไปข้างหน้า (Move Left / Right / Forward)
    • ขยับเครื่องลงไปทางซ้ายหรือขวา (Tilt Left / Tilt Right)
    • เลี้ยวซ้ายหรือขวา (Turn Left / Turn Right)
    • ขยับเครื่องหรือลง (Tilt Forward / Tilt Backward)
    • เขย่าเครื่องเล็กน้อย ไปทางขึ้นลง (Shake Vertically) 

  •  Ultra Sonic Button
    • สามารถเลือกว่าเราต้องการใช้กับ Option อะไรในเกม โดยสามารถสั่งงานได้ 6 ท่าทางทั้ง กดไปเฉยๆ, แตะเบาๆ, สไลด์, การกดลงไปคู่พร้อมกัน  
    • ปรับประสิทธิภาพของเครื่องถ้าต้องการให้ดันไปสูงสุด ต้องเสียบ Game Pad หรือ Aero Active Cooler ที่รุ่นนี้มีปุ่ม ที่ใช้ร่วมกับ Motion Sensor และ Ultra Sonic Button ได้
    • การปิดกั้นเครือข่ายให้มาที่เกมอย่างเดียว หรือเปิดเน็ตมือถือเองเมื่อพบว่า WiFi นั้นมีสัญญาณที่ไม่ดี หรือ Hyper Fusion

Scout Mode

    • Scout Mode จะมีฟีเจอร์ที่ทำให้ภาพแสดงผลจะเป็นการมองหาภาพที่มองไม่เห็นเปลี่ยนได้สวยจะมีประโยชน์กับ Game แนวยิง เฉพาะบางเกม
    • Macro สามารถรู้ว่าเรากดอะไรไประหว่างเล่นเกม สามารถกดบันทึกที่ระหว่างเล่นเกมผ่านฟีเจอร์ Game Genie

batch_sarog_power

  • นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนโหมดประสิทธิภาพในการเล่นเกมของเครื่องจะมีให้เลือก 4 โหมดได้แก่
    • X-Mode / X-Mode+ คือการผลักประสิทธิภาพของเครื่องสูงสุด ถ้าเป็น X-Mode+ จะทำงานร่วมกับพัดลมได้
    • Dynamic สามารถปรับให้ทุกอย่างสมดุลเล่นเกมได้ดี
    • Ultra Durable ต้องการให้เครื่องอยู่ได้นาน มากขึ้น

batch_sarog_arm1

    • Advance จะสามารถปรับรูปแบบได้ทุกอย่างตามที่คุณต้องการ
    • Hardcore Tuning ให้แรงขั้นสุดได้
    • E-Sport Mode ปิดทุกอย่างในการแจงเตือนและมีการจ่ายไฟเข้าไปในเครื่องโดยตรง

batch_sarog_arm2

  • ข่าวสารและการเชื่อมต่อกับ PC

batch_sarog_tools

นอกจากฟีเจอร์ของการเล่นเกมไปแล้วก็ยังมีฟีเจอร์ทั่วไปได้แก่ เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, เข็มทิศ และสามารถอัดหน้าจอได้ แต่ที่เหลือนั้นจะเป็นฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในการเล่นเกมอย่างแท้จริง ประกอบไปด้วย 

batch_sarog_sec

ส่วนระบบความปลอดภัยมีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และ ระบบสแกนใบหน้ามาให้เหมือนเดิม 

เปิดกล้องลองถ่ายภาพของ ROG Phone 5

batch_sa20210529_114014

  • กล้องหลัง 3 ตัว :  
    • กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล (f1.8) PDAF  
    • 13 ล้านพิกเซล (f2.2, Ultra-Wide)  
    • 5 ล้านพิกเซล เลนส์ Macro  
  • กล้องหน้า: 24 ล้านพิกเซล (f2.0)  

ฟีเจอร์ของกล้อง ROG Phone 5

batch_sa20210529_163414

 batch_sarog_bcam

เมนูกล้องของ ROG Phone 5 ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นที่แล้ว แต่ว่าคราวนี้มีโหมดที่แบ่งระหว่างการถ่ายภาพและวิดีโอที่ชัดเจน การใช้งานซูมทำได้ง่าย เมนูกดง่ายเพราะมี icon ที่อธิบายครบจนเรียกได้ว่าเอาใจคนขอบถ่ายภาพระดับหนึ่ง แต่รอบนี้มีแบ่งเป็นโหมดอื่นๆ ก็จะมีการเพิ่ม Pro Video, Night Mode และกลางคืน สามารถซูมได้มากสุด 8X

batch_sarog_vdo

มาดูเรื่องการถ่ายภาพเคลื่อนไหวบ้าง วิดีโอรุ่นนี้ก็มีฟีเจอร์ควบคุมกันสั่นไหวแบบ EIS มาให้ทำให้ภาพที่ออกมาดูดี แต่ถ้าถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และ 8K / 30 FPS เลยทีเดียว พร้อมกับลูกเล่นทั้ง Timelaps, Slo-mo ได้ช้าสุดที่ HD 480 FPS และ Motion Tracking  จับการเคลื่อนไหววัตถุได้ และ Pro Video ที่ทำได้เหมือนมือถือราคาแพงในระดับเดียวกัน และยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงลม, ฟีเจอร์เลือกใช้ไมโครโฟนฯ เป็นต้น และสามารถซูมได้มากที่สุดแค่ 4X

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ROG Phone 5

 ๊Ultra Wide

batch_sap_20210529_1622461x

2x

6x

8x

ภาพกลางวัน / แสนปกติ

 batch_sap_20210529_191140กล้องปกติ

Night Mode

๊Ultra Wide Night Mode

๊Ultra Wide Night Mode

ภาพกลางคืน / แสงน้อย

 batch_sap_20210529_114554
batch_sap_20210529_123551

รูปแบบภาพอื่นๆ

ทดลองถ่ายกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล

batch_sarog_fcam

batch_sap_20210601_182833

สำหรับกล้องหน้าของ ROG Phone 5 ยังไม่ได้แตกต่างจากกล้องมือถือปกติ แต่ว่าถ้าโดดเด่นคือมีการเพิ่มลูกเล่น Make up แต่งหน้าได้สวยงามได้ แต่เสียดายว่าถ้าผู้ชายเปิดโหมดนั้นถ่ายแล้วรู้สึกว่ามันดูสาวไปหน่อย ส่วนการถ่ายวิดีโอความละเอียดที่รองรับได้คือ 1080P และเลือกรูปแบบของไมโครโฟนได้ด้วย

แบตเตอรี่ /  การชาร์จไฟ

batch_sarog_batt

ขนาดแบตเตอรี่ของ ROG Phone 3 จะมาพร้อมกับขนาด 6000 mAh แบงเป็นทั้งหมด 2 ก้อน ทำให้รู้สึกจะชาร์จไฟเร็วขึ้นกว่าเม การใช้งานจริงถ้าไม่ได้เล่นเกมเลยอยู่รอดทั้งวันแน่นอน แต่อุ่นนิดๆ ส่วน ถ้ามีการเล่นเกมแบบ Dynamic จะเท่ากับการทดสอบอยู่ที่ 11 ชั่วโมง แต่ถ้า X Mode / X Mode Plus จะอยู่ได้แค่ 8 ชั่วโมงครับ แต่ถ้ารักการเล่นเกมแนะนำว่าเปลี่ยนเป็น Ultra Durable Mode จะอยู่ได้นานมากขึ้น แต่ว่าอาจจะมีการลดประสิทธิภาพลง

batch_sarog_batt_charge

ส่วนระบบการชาร์จไฟจะอยู่ที่กำลัง HyperCharge 65W เมื่อใช้ที่ชาร์จติดกล่องและรองรับ Power Delivery มาให้ด้วยในตัวและรองรับทั้ง Quick Charge 3.0 และ Power Delivery และรองรับการชาร์จไฟย้อนกลับไปที่ 10W และยังมีระบบดูแลแบตเตอรี่แบบเต็มพิกัด และตัวเครื่องออกแบบให้ชาร์จไฟทั้งด้านข้างด้านล่าง และ ด้านข้างของเครื่องทำให้สามารถเล่นเกมไปชาร์จไฟไปได้สบายๆ (แนะนำว่าถ้าจะเล่นเกมพร้อมกับชาร์จไฟ ที่ชาร์จควรเป็นของแท้ และปลั๊กไฟควรได้รับมาตรฐาน มอก. จะดีที่สุด) ส่วนเรื่องการดูแลแบตเตอรี่นั้นเครื่องนี้ก็มีระบบควบคุมจัดการ Battery Care ควบคุมกำลังไฟ, ความร้อน ควบคุมการชาร์จให้แบตเตอรี่เสื่อมน้อยที่สุดได้ง่ายดาย

สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ลองใช้งาน ROG Phone 5 มาสักระยะเวลาหนึ่ง

batch_sadsc00131

เป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่ออกแบบเพื่อคนเล่นเกม กับการทดลองใช้งานตั้งแต่ก่อนเปิดตัวมา 2 สัปดาห์จะมาพร้อมกับความดุดันออกแบบให้สามารถเล่นเกมได้ดีและมีพัดลมระบายอากาศ และมีช่องเสียบที่เรียกได้ง่ายทำได้ง่ายมากขึ้น ออกแบบใส่เคสและพัดลมได้พร้อมกับคือสิ่งที่ควรจะทำตั้งนานแล้ว

สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงแม้ว่าจะทำไม่ได้ในรุ่นนี้แล้วคือ ถ้าเล่นเกม และไม่ใส่พัดลม มันจะร้อนเกิไปจนถือไม่ไหว คาดว่าเกิดจากขุมพลังให้แรงขึ้นแต่วิธีแก้คือ หยุดเล่นเกมสักแป๊ป ก็จะเย็นลงเท่านั้นเองครับ

 สำหรับราคาของ ROG Phone 5 จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นเช่นเดียวกันโดยมีราคาดังนี้

  • RAM 8GB / ROM 128GB = 22,990 บาท
  • RAM 16GB / ROM 256GB = 29,990 บาท
  • จะแถมเคส และ ROG Aero Active Cooler 5 มาให้ในกล่องทั้งคู่

สำหรับโปรโมชั่นกับทาง AIS จะมีราคาเริ่มต้น 15,990 บาท (RAM 8GB / ROM 128GB) 22,990 บาท (RAM 16GB / ROM 256GB) 

 อุปกรณ์เสริมของเครื่องก็จะมีเพิ่มคือ

  • ROG Clip ราคา 990 บาท
  • ROG Kunai 3 ราคา 3,990 บาท (แถมกับคนที่ซื้อ เครื่อง ROG Phone 5 สเปก RAM 16GB / 256GB) 
  • และยังมีการจับคู่ซื้อของแถมมากมาย

สามารถซื้อเครื่องได้ทั้งหมดทั้ง AIS, และตัวแทนจำหน่ายทั้ง ASUS Experence Store และ Online Store

เรียกได้ว่าอุปกรณ์ของเครื่องแม้ว่าจะลดลงแต่ว่าก็มีการใช้งานกับ ROG Phone 3 อยู่ได้มากพอสมควร และดูดๆ ไปแล้วบางทีรุ่นนี้จะคล้ายกับ ROG Phone 3 Strix Edition บ้างก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามถ้าสรุปแล้วมือถือรุ่นนี้คือ ตัวจบสำหรับคอมเกมถ้างบประมาณถึงและไวจริงๆ นะ

batch_sa20210529_113945

จุดเด่น

  • หน้าจอของเครื่องใหญ่มากและตอบสนองไวมากขึ้น
  • ตัวเครื่องออกแบบแข็งแรงกว่าเดิม
  • น้ำหนักเครื่องสมดุลในการถือทั้งฝั่งซ้ายและขวา
  • เคสและพัดลมสามารถใส่พร้อมกันได้แล้ว
  • ชาร์จไฟไวกว่าเดิม
  • ระบบเสียงดีมากขึ้นกว่าเดิม
  • มีช่องเสียบหูฟังกลับมาแล้ว

ข้อสังเกต

  • กล้องไม่ได้ดีกว่าเดิม
  • เล่นเกมนานๆ ถ้าไม่มีพัดลม Aero Active ร้อนมากเป็นพิเศษ
  • อุปกรณ์เสริมน้อยลงกว่าเดิม
  • ต้องใช้เข็มจิ้มถาดใส่ซิมติดกล่องถึงจะเปิดถาดใส่ซิมการ์ดของเครื่องได้

อัลบั้มภาพ 26 ภาพ

อัลบั้มภาพ 26 ภาพ ของ รีวิว ROG Phone 5 อัปเกรดรอบตัว เพื่อความเป็นที่สุดของมือถือเล่นเกม อีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook