CASETiFY ตั้งเป้ากวาดรายได้ 3 พันล้านเหรียญ พร้อมลุยตลาดใทยเต็มตัว

CASETiFY ตั้งเป้ากวาดรายได้ 3 พันล้านเหรียญ พร้อมลุยตลาดใทยเต็มตัว

CASETiFY ตั้งเป้ากวาดรายได้ 3 พันล้านเหรียญ พร้อมลุยตลาดใทยเต็มตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

CASETiFY (เคสทิฟาย) แบร์ดไลฟ์สไตล์ที่ออกแบบเครื่องตกแต่งเพื่ออุปกรณ์ IT ได้เปิดเผยผลประกอบการครั้งแรกในรอบ 10 ปี มีรายได้กว่า 125 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ อัตราการเติบโตกว่า 70% ในช่วง 5 ปี พร้อมกางแผนกลยุทธ์ Omnichannel และพร้อมเปิดสาขาเพิ่มรวมถึงในประเทศไทย

จากอีคอมเมิร์ซขายเคสโทรศัพท์ สู่การสร้างธุรกิจแฟชั่นมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จุดกำเนิดของ CASETiFY ที่ฮ่องกงเมื่อปี 2011 โดยในปี 2020 สามารถสร้างรายได้รวมกว่า 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วง 5 ปีที่ผ่ายมามีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) สูงถึง +70% นับเป็นการก้าวกระโดดอย่างงดงามของธุรกิจอีคอมเมิร์ซสู่ธุรกิจแบรนด์ระดับโลก เพราะเป็นการพลิกโฉมเคสมือถือและอุปกรณ์ IT ตกแต่งได้ตามความนิยมทั่วโลก

 batch_20201129_wesley_ng_port

เวสลีย์ อิ้ง (Wesley Ng) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง CASETiFY กล่าวว่า "ผลิตภัณฑ์ของ CASETiFY เปรียบเสมือนผืนผ้าใบสำหรับการสร้างสรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด ผ่านการร่วมมือกับแบรนด์ที่โดดเด่น และความหลงใหลในคิดค้นนวัตกรรมป้องกันที่แข็งแรงทนทาน

เพื่อให้ลูกค้าได้มีตัวเลือกตกแต่งอุปกรณ์ไอทีที่พวกเขาหวงแหนได้อย่างเต็มที่ และเชื่อมต่อกับความชอบของพวกเขาอย่างแท้จริง งานของเราคือการสร้างศูนย์รวมความคิดสร้างสรรค์ที่มีตัวเลือกเพียงพอจะตอบทุกสไตล์ ทุกเทรนด์แฟชั่น และทุกบุคลิก ตั้งแต่แบบเรียบง่ายไปจนถึงงานดีไซน์ที่จัดจ้าน”

ทั้งนี้ CASETiFY ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภคในช่วง Gen Z ซึ่งสามารถเข้าถึง 1 ใน 5 ของผู้บริโภค Gen Z ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเป็นแบรนด์ตกแต่งอุปกรณ์ไอทีที่มีการค้นหาอันดับ 1 ของโลก ระบุโดย Google Trends

ความสำเร็จของแบรนด์ยังรวมถึงการได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล ‘2022 World Changing Ideas Award’ โดย FastCompany สื่อชื่อดังของอเมริกา ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ CASETiFY ผ่านแคมเปญ “Re/CASETiFY” โดยนำเคสที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นรุ่นใหม่แล้วกว่า 28,000 กิโลกรัม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบริษัทได้มากถึง 20%

ร้านออฟไลน์สร้างยอดขายสุดแกร่ง

 08_bounce_pr

แม้ว่า CASETiFY จะเป็นแบรนด์ D-to-C (Direct to consumer) มาอย่างยาวนาน แต่การเติบโตส่วนใหญ่มาจากการเปิดร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ (CASETiFY Studio) เห็นได้จากความสำเร็จในการขายอย่างยอดเยี่ยมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของร้านค้าปลีก 18 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิก ซึ่งหน้าร้านจริงมีผลต่อการเพิ่มการรับรู้ในตลาดนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงและหลากหลาย

CASETiFY มียอดขายเฉลี่ยต่อตารางฟุตใน CASETiFY Studio 18 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิก ในปี 2021 อยู่ที่ 1,441 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่ายอดขายทั่วโลกของร้านค้าออนไลน์ระดับโลกอย่าง Lululemon (1,560 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยยอดขายสูงสุดอยู่ที่ CASETiFY Studio Hong Kong ซึ่งมีมูลค่า 2,500 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุต ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกของ Tiffany & Co. (2,951 เหรียญสหรัฐ)

หลังจากเปิดตัว Pop-up Store แห่งแรกในกรุงเทพฯ ไปไม่นาน และสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวแน่นกลางใจเมือง ทำให้ CASETiFY ยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วออนไลน์ ส่งผลต่ออัตราการเติบโตถึงสองหลักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และได้ฐานลูกค้าใหม่ในเมืองไทยเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว

ความสำเร็จของการเปิด POPUP Store ในประเทศไทย

 batch_img_6542-edit

รวมถึงการตกแต่งที่มีสีสันเป็นไฮไลท์ นอกจากนั้น การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เชื่อมโยงกับตลาด และผลงานสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปินท้องถิ่นในแต่ละประเทศ ที่ CASETiFY ให้การสนับสนุนตลอดมาผ่านโปรแกรมแบ่งผลกำไรกับศิลปิน

จากความสำเร็จในก้าวแรกนี้ CASETiFY มั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าลุยตลาดไทยอย่างเต็มตัว โดยมีแผนที่จะเปิด CASETiFY Studio ถาวรภายในปี  2566 นอกเหนือจากนั้น ทางแบรนด์วางแผนสร้างสรรค์กิจกรรมที่จะเชื่อมต่อกับลูกค้าชาวไทยได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น

เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับการเปิดตัว CASETiFY Pop-Up Store แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเราจะได้พบกับกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่ให้การสนับสนุนผ่านสั่งสินค้าผ่านทางออนไลน์ตลอดมา หลังจากนี้ เรายังจะมอบความพิเศษให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน และยังเปิดกว้างสำหรับนักออกแบบและครีเอทีฟชาวไทยให้ได้นำความเป็นไทยมาสู่แบรนด์ CASETiFY ในอนาคตอีกด้วย” เวสลีย์กล่าว 

ทั้งนี้ CASETiFY Pop-Up Store สาขาแรกในประเทศไทย ตั้งอยู่ภายใน “เซ็นทรัลเวิลด์” (โซน Atrium ชั้น 1) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 80 ตารางเมตร ด้วย Concept กว่า 360 Creative Hub มอบประสบการณ์การช็อปปอิ้งที่แตกต่างและมีคอเลคชั่นให้เลือกมากมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook