เทคโนโลยีเพื่ออากาศบริสุทธิ์ ความจำเป็นในยุคฝุ่นเยอะโรคแยะ

เทคโนโลยีเพื่ออากาศบริสุทธิ์ ความจำเป็นในยุคฝุ่นเยอะโรคแยะ

เทคโนโลยีเพื่ออากาศบริสุทธิ์ ความจำเป็นในยุคฝุ่นเยอะโรคแยะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อฝุ่นพิษ PM2.5 กลับมาสร้างปัญหาใหญ่ให้กับคนกรุงอีกครั้งในช่วงปลายฤดูหนาวเมื่อสัปดาห์ก่อน ความรุนแรงเข้าขั้นแย่อยู่หลายวัน โดยช่วงที่หนักหนาสาหัสที่สุดนั้น สามารถดันให้กรุงเทพมหานครขึ้นเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ในฐานะเมืองที่อากาศแย่ที่สุดในโลก เพราะมีฝุ่นเกินค่ามาตรฐานในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ย้อนกลับไปที่บทความ ซื้อไหม? “อากาศอัดกระป๋อง” เพราะของฟรีมันไม่ดีที่จะใช้หายใจ ก็ดูน่าหดหู่อยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ “อากาศ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุขจะกลายเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถใช้ได้ฟรี ๆ อีกต่อไปแล้วหรือเปล่า? แน่นอนว่าตัวของอากาศนั้นคงไม่ได้ลดน้อยลงจนเราต้องยื้อแย่งกันซื้อมาหายใจหรอก แต่คุณภาพอากาศต่างหากที่เราอาจต้องใช้เงินแก้ปัญหา เพราะทุกวันนี้ อากาศที่เราใช้หายใจกันได้ฟรี คุณภาพมันไม่ดีพอต่อการหายใจเอาเสียเลย อากาศดี ๆ อากาศที่บริสุทธิ์ มันไม่ได้หาได้ง่าย ๆ

ในเมื่ออากาศฟรี ๆ คุณภาพมันไม่ดีพอที่จะเราจะใช้หายใจ ในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่ต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะมี “อากาศบริสุทธิ์หายใจ” สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดอย่าง “อากาศบริสุทธิ์อัดกระป๋อง” ก็มีมาแล้วบนโลกนี้ ส่วนเทคโนโลยีที่มีมาก่อนหน้าอย่างเครื่องกรอง เครื่องฟอกอากาศ เมื่อก่อนมันเป็นสินค้าสำหรับคนเฉพาะกลุ่มเฉพาะสถานที่ สถานที่ที่นิยมใช้เครื่องฟอกอากาศ ก็คือโรงพยาบาล ส่วนคนที่จำเป็นต้องมีเครื่องฟอกอากาศติดบ้าน ก็คือคนที่ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด และออกจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ถ้าคนกลุ่มนั้นมีกำลังซื้อก็ไม่ว่ากัน พวกเขาสามารถใช้เงินซื้อสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง

แต่พอหันกลับมามองภาพในปัจจุบันนี้ เครื่องกรอง เครื่องฟอกอากาศ ดูจะไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับมนุษย์อีกต่อไป แต่เริ่มเข้าใกล้ “สินค้าจำเป็น” มากขึ้นไปทุกที กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่ทุกครัวเรือนน่าจะมี ไม่ต่างจากโทรทัศน์หรือตู้เย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองใหญ่ ๆ อีกไม่นาน เครื่องฟอกอากาศจะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกแล้ว นั่นหมายความว่าในอนาคตอันใกล้ เราอาจต้องมีงบประมาณก้อนหนึ่งที่กันไว้สำหรับซื้ออากาศ (บริสุทธิ์) มาหายใจกันเสียแล้ว

เทคโนโลยีเพื่ออากาศบริสุทธิ์ กลายเป็นสิ่งที่คนต้องลงทุน

สำหรับคนที่อาศัยอยู่ตามเขตเมืองใหญ่ ๆ น่าจะทราบดีว่าทำไมเครื่องฟอกอากาศถึงได้กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณต้องมีติดบ้าน หรือถ้าจะให้พูดก็คือ เป็นเพราะทุกวันนี้มีมลพิษในอากาศเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ยังไม่นับรวมสารพัดเชื้อโรคที่มีอยู่ในอากาศด้วย คนเราเจออากาศเสียมากกว่าอากาศดี จนทำให้เราหายใจกันได้ลำบากมากขึ้นทุกที แย่ที่สุดคือมันส่งผลระยะยาวต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจทำให้คุณป่วยเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย ทำได้แค่นอนรอวันสิ้นอายุขัย เนื่องจากอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการหายใจเสียหายไปหมดแล้ว

ปัญหามลพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำลายสมดุลอัตราส่วนของอากาศปกติในบรรยากาศ จากอากาศดี ๆ กลายเป็นอากาศเสีย ทำให้ในบรรยากาศมีแต่ของเสีย ทั้งมลภาวะ ฝุ่นควัน แก๊สพิษ และเราต้องหายใจนำพิษเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การหลบอยู่ในอาคารที่เคยช่วยให้เราไม่ต้องเผชิญกับอากาศเสียตรง ๆ ปัจจุบันแทบจะไม่ช่วยอะไรอีกต่อไป เพราะอากาศสามารถหมุนเวียนไหลเวียนไปได้เรื่อย ๆ อากาศเสียด้านนอกสามารถไหลเข้ามาภายในตัวอาคาร เราจึงรู้สึกหายใจไม่สะดวกและรู้สึกระคายเคืองระบบทางเดินหายใจแม้กระทั่งเวลาอยู่ในบ้าน ทำให้ทุกวันนี้ มลพิษในร่มก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ามลพิษด้านนอก บางบ้านเลี้ยงสัตว์และมีคนที่สูบบุหรี่ด้วย ยิ่งไปกันใหญ่

ปัญหาอากาศเป็นพิษ โดยฝุ่น PM2.5 เป็นสิ่งที่เราด้องเผชิญกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปี และเราก็ต้องหายใจเอาอากาศไม่บริสุทธิ์บางส่วนเข้าไปด้วยเรื่อย ๆ การแก้ปัญหาไม่อาจแก้ในระดับบุคคลได้ แต่เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องแก้ปัญหา ดังนั้น ในฐานะประชาชนคนธรรมดา ทำได้แค่บรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เทคโนโลยีฟอกอากาศจึงเป็นสิ่งที่เราหันหน้าไปพึ่งพา ให้มันช่วยดักจับฝุ่นละอองและเชื้อโรค และสร้างอากาศที่บริสุทธิ์ให้เราได้หายใจหายคอกันโล่ง ๆ หน่อย

แต่คำถามก็คือ เราจะต้องลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศมาติดตั้งไว้กันจนเป็นชีวิตแบบปกติอย่างนั้นหรือ จะเป็นสิ่งที่ต้องมีทุกบ้านเลยหรือเปล่า นั่นหมายความว่า ต่อไปเราต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์มาฟอกอากาศกันแบบปกติธรรมดาเลยจริง ๆ ใช่ไหม มันต้องไปถึงขั้นนั้นแล้วหรือเปล่า หรือเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันทำให้เราสามารถหายใจเอาอากาศที่มีอยู่ทั่วไปได้อย่างฟรี ๆ ได้เหมือนเดิม โดยไม่ได้ของแถมเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคอื่น ๆ

เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างไร

จริง ๆ แล้ว เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) จัดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้หลักการการทำงานแบบเดียวกับพัดลมทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ โดยอาศัยชุดพัดลมดูดอากาศ ที่จะประกอบไปด้วยใบพัด และมอเตอร์ ดูดอากาศเข้าไปภายในตัวเครื่อง แล้วปล่อยอากาศนั้นออกมาด้านนอก ทว่าในเครื่องฟอกอากาศ จะมีการเอาระบบการกรองอากาศ และ/หรือฟังก์ชันที่น่าสนใจต่าง ๆ ใส่เสริมเข้าไป มันจึงดักจับและกรองเอาพวกสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ในอากาศที่สกปรกไว้กับแผ่นกรอง แล้วค่อยปล่อยเฉพาะอากาศที่สะอาดออกมา

เครื่องฟอกอากาศในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ จะมีเทคโนโลยีการกรองหรือฟอกอากาศแตกต่างกันไป แต่หลัก ๆ แล้วจะต้องมีแผ่นกรองอากาศ (ยกเว้นพวกเครื่องฟอกอากาศประจุลบ) แผ่นกรองอากาศที่ว่ามักจะมีหลายชั้น แต่ละชั้นจะมีหน้าที่และความสามารถในการกรองและดูดซับสิ่งปนเปื้อนในอากาศแตกต่างกันไป สิ่งปนเปื้อนบางอย่างสามารถผ่านชั้นแรก ๆ ไปได้ แต่ก็จะไปถูกดักจับที่ชั้นท้าย ๆ อยู่ดี

ส่วนใหญ่แล้วชั้นกรองของแผ่นกรองอากาศในเครื่องฟอกอากาศจะกรองเอาละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ (PM10) ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารเคมี เชื้อโรคต่าง ๆ อย่างพวกเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียเอาไว้ได้ แต่มักจะกรองเชื้อไวรัสไม่ค่อยได้ เพราะเชื้อไวรัสมีขนาดเล็กมาก ๆ เล็กเกินกว่าที่รูของแผ่นกรองอากาศจะสามารถกรองและดักจับไว้ได้ แต่ปัจจุบัน เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ ๆ ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ตามสภาพอากาศที่สกปรกมากขึ้น คือมีความสามารถในการกรองเชื้อไวรัสได้แล้ว

ดังนั้น เมื่อเครื่องฟอกอากาศดูดเอาอากาศเข้าไปแล้ว ก็จะทำการกรองอากาศเหล่านั้น ดักจับทุกสิ่งอย่างที่สามารถดักจับได้ หรือมีระบบที่สามารถฆ่าเชื้อโรคเหล่านั้นด้วย จนเหลือเพียงอากาศที่สะอาดที่สุดให้กับผู้ใช้งาน

ยุคที่เครื่องฟอกอากาศได้กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี (แทบ) ทุกบ้าน

เพราะว่าอากาศที่มีให้เราได้ใช้ฟรี ๆ ทุกวันนี้มันเป็นอากาศสกปรกเสียเป็นส่วนมาก และการหายใจเอาอากาศเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายก็มีผลต่อสุขภาพของคนเรา โดยเฉพาะกับคนที่มีป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ อย่างโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคมะเร็งปอด แม้แต่กับคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่สูดอากาศแย่ ๆ เป็นประจำร่างกายก็แย่ตาม โดยจะแสดงออกทางร่างกายในเบื้องต้นว่าร่างกายกำลังมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสารก่อความระคายเคืองต่าง ๆ ในอากาศ

ในขั้นเริ่มต้น ร่างกายจะพยายามต่อต้านสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ในหลาย ๆ ทาง ทางระบบหายใจ จะมีอากาศจาม คัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหล และอาจกลายเป็นหวัดได้หากไปเจอเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสก่อโรค ทางผิวหนัง ร่างกายจะแสดงออกด้วยผื่นลมพิษ มีอาการคัน เป็นผื่น บวมแดง ทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเป็นมูกเลือด และอาการอื่น ๆ เช่น ระคายเคืองตา ตาแดง หอบหืด ลมพิษ ช็อก หรืออาจรุนแรงจนเสียชีวิตได้ และถ้ารับอากาศแบบนี้เป็นเวลานาน เลวร้ายที่สุดก็คือ เสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอด เพราะในฝุ่น PM2.5 มักพบสารก่อมะเร็งและโลหะหนักที่เป็นอันตรายอยู่ด้วย

นี่จึงกลายเป็นความจำเป็น (ค่อนข้างมาก) ที่แทบทุกบ้านตามเมืองใหญ่ ๆ ควรจะต้องมีเครื่องฟอกอากาศ ก็เพื่อให้มันทำหน้าที่ฟอกอากาศที่เป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกายให้กลายเป็นอากาศที่ดีต่อการหายใจ สามารถหายใจนำเข้าไปได้โดยที่ไม่ต้องรับของแถมเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่อาจทำให้เราอายุไม่ยืน!

อย่างไรก็ตาม นอกจากเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ ๆ จะมีความสามารถในการกรองสิ่งแปลกปลอมที่มีอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ ได้มากขึ้นแล้ว หลายรุ่นยังมีฟังก์ชันเสริมเจ๋ง ๆ ที่ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดนอนหลับหรือโหมดกลางคืน ที่เครื่องจะรบกวนคุณน้อยลงในขณะนอนหลับ ฟังก์ชันป้องกันเด็กกดเล่น คือการล็อกไม่ให้เครื่องมีการตอบสนองใด ๆ หากถูกกดเล่นโดยเด็ก ฟังก์ชันการตั้งเวลาเปิด-ปิดล่วงหน้าได้ตามต้องการ ฟังก์ชันใช้งานแบบไร้สาย สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ และใช้งานโดยไม่ต้องเสียบไฟ มีแอปพลิเคชันที่สั่งงานผ่านสมาร์ตโฟน ฟังก์ชันควบคุมด้วยอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things-IoT) สามารถดูการทำงานต่าง ๆ ได้ เป็นต้น

เมื่อเครื่องฟอกอากาศกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ “จำเป็น” ในวิถีชีวิตของผู้คนยุคนี้ การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นแนวทางที่เรา ๆ ต้องศึกษาให้มากขึ้นก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะไม่ใช่ว่าจะซื้อแบบไหนมาก็ได้ ต้องเลือกที่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศแบบที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ เช่น คุณเลี้ยงสัตว์ คุณสูบบุหรี่ คุณอยู่ในเขตที่มีฝุ่นควันเยอกว่าบริเวณอื่น คุณมีเด็กเล็ก คุณมีคนแก่ในบ้าน คุณมีโรคประจำตัว เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่คุณต้องจ่าย และช่วยให้คุณสามารถลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพได้จริง ๆ ในระยะยาว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook