รวมมือถือที่กำลังจะตกรุ่นแต่ราคาน่าคบหา ประจำเดือนมีนาคม 2023

รวมมือถือที่กำลังจะตกรุ่นแต่ราคาน่าคบหา ประจำเดือนมีนาคม 2023

รวมมือถือที่กำลังจะตกรุ่นแต่ราคาน่าคบหา ประจำเดือนมีนาคม 2023
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 กลับมาพบกับการรวมมือถือประจำเดือนอีกครั้ง สำหรับในครั้งนี้ทีม Sanook Hitech ได้นำมือถือที่ใกล้ตกรุ่น (หรือเพิ่งตกรุ่นไปไม่นาน) และสเปกโดดเด่นไม่น้อย และราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์ จะมีรุ่นไหนบ้างมาดูกัน

Samsung Galaxy S22 Series

 samsung-galaxy-s22-ultra-5g-2

แม้ว่า Galaxy S23 Series ออกมา 3 รุ่นจะเป็นรุ่นที่แก้เกมจากของเดิมได้ดี แต่เมื่อราคาเปิดออกมานั้นอาจจะทำให้หลายคนตกใจว่า แพงเกินไป การเลือกซื้อ Galaxy S22 Series ทั้งหมดถือว่าเป็นช่วงที่ดี เพราะราคาบางที่ลดลงเพื่อจะระบายสต็อกออก เช่นในงาน Commart ที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นเครื่อง Demo หรือ ค้างสต็อกดีๆ ก็เคยมีมาแล้ว

samsung-galaxy-s22-plus-5g-2

สำหรับมือ 1 ของมือถือรุ่นนี้เราสามารถทางออนไลน์บางทีและบางร้านก็ยังมีขายอยู่ ราคาที่ได้ไม่ควรแพงกว่ามือ 1 หรือ Galaxy S23 Series แต่ถ้ามือ 2 ขึ้นอยู่กับสภาพ แต่หาดีๆ อาจจะมีประกันเหลือใช้งานได้ยาวๆ

รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy S22 (สเปกจำหน่ายในเมืองไทย)

  • หน้าจอ DynamicAMOLED 2X ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล FHD+ (HDR10+) ขนาด 6.1 นิ้ว  พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz ปรับได้ Touch Sampling Rate 240 Hz สำหรับ Game Mode
  • ขนาดตัวเครื่อง 146 x 70.6 x 7.6 มม.   
  • น้ำหนัก 168 กรัม   
  • ชิปเซ็ตประมวลผล  Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1
  • กราฟิก : Adreno 730
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB  (LPDDR5)   
  • หน่วยความจำภายในความจุ 128 / 256GB
  • การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.2 ,UWB, 5G / 4G
  • ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย AKG
  • การรองรับซิมการ์ด : Nano SIM 2 ช่อง
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล   
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น 
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล + Dual Pixel AF, OIS, F1.8 มุมมอง 85 องศา
    • เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F/2.4
    • เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 120 องศา
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68   
  • ระบบปลดล็อค สแกนใบหน้า + สแกนนิ้วแบบ Optical   
  • แบตเตอรี่ความจุ 3700mAh   
  • รองรับระบบชาร์จไฟ Fast Charge 25W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W Wireless Power Share 2.0 กำลัง 9W
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0
  • สี Phantom Black / Phantom White / Green / Pink Gold

 

รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy S22+ (สเปกที่จำหน่ายในประเทศไทย)

  • หน้าจอ DynamicAMOLED 2X ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล FHD+ (HDR10+) ขนาด 6.6 นิ้ว  พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz ปรับได้ Touch Sampling Rate 240 Hz สำหรับ Game Mode
  • ขนาดตัวเครื่อง 157.4 x 75.8 x 7.6 มม.   
  • น้ำหนัก 196 กรัม   
  • ชิปเซ็ตประมวลผล  Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1
  • กราฟิก : Adreno 730
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB  (LPDDR5)   
  • หน่วยความจำภายในความจุ 128 / 256GB
  • การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.2 ,UWB, 5G / 4G
  • ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย AKG
  • การรองรับซิมการ์ด : Nano SIM 2 ช่อง
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล  + Dual Pixel
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น 
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล + Dual Pixel AF, OIS, F1.8 มุมมอง 85 องศา
    • เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F/2.4
    • เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 120 องศา
    • LED Flash
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68   
  • ระบบปลดล็อค สแกนใบหน้า + สแกนนิ้วแบบ Optical   
  • แบตเตอรี่ความจุ 4500mAh   
  • รองรับระบบชาร์จไฟ Fast Charge 45W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W Wireless Power Share 2.0 กำลัง 9W
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0
  • สี Phantom Black / Phantom White / Green / Pink Gold และมีสีพิเศษคือ Graphite, Cream, Skyblue และ Violet

รายละเอียดสเปกของ Samsung Galaxy S22 Ultra

  • หน้าจอ DynamicAMOLED 2X ความละเอียด 3088 x 1440 พิกเซล WQHD+ (HDR10+) ขนาด 6.8 นิ้ว  พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz (1 – 120Hz) ในแบบความละเอียด WQHD+ Touch Sampling Rate 240 Hz สำหรับ Game Mode
  • ขนาดตัวเครื่อง 163.3 x 77.9 x 8.9 มม.   
  • น้ำหนัก 229 กรัม   
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2200 / Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 (ประเทศไทยใช้ Qualcomm)
  • กราฟิก : Xclipse 920 | Adreno 730
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 8 / 12GB  (LPDDR5)   
  • หน่วยความจำภายในความจุ 128 (คู่กับรุ่น RAM 8GB) / 256 / 512GB 
  • การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.2 ,UWB, 5G / 4G
  • ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย AKG
  • การรองรับซิมการ์ด : Nano SIM 2 ช่อง
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 40 ล้านพิกเซล   
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น 
    • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล + Dual Pixel + Laser Focus, LED Flash + OIS เปลี่ยนเซนเซอร์ใหญ่ขึ้น
    • เลนส์ Telephoto 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F/2.4
    • เลนส์ Tele 10x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล(Space Zoom 100x) F/4.9 
    • เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้อง ToF (Time-of-Flight) สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น    
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68   
  • ระบบปลดล็อค สแกนใบหน้า และ ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ   
  • แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh   
  • รองรับระบบชาร์จไฟ Fast Charge 45W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 15W Wireless Power Share 2.0 กำลัง 9W
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.0
  • สี Phantom Black / Phantom White / Green / Burgundy ไม่รวมสีพิเศษทั้ง ฟ้า Sky Blue, สีเทา Graphite และ สีแดง Red

realme 9 Pro+

 

ยังคงเป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่มีส่วนลดอยู่และสเปกคุ้มค่ากว่ารุ่นใหม่จนทำให้หลายคนหลงมาเอารุ่นนี้ก็มี และยังคงเหนียวแน่น ถ้าใครดูจากเดือนที่แล้ว ก็มีชื่อของ realme 9 Pro+ อยู่ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความดีงามของรุ่นนี้ ที่จัดหนักจัดเต็มครับ

รายละเอียดสเปกของ realme 9 Pro+ 

  • หน้าจอ OLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล WFHD+  ขนาด 6.4 นิ้ว  
  • ขนาดตัวเครื่อง 160.2 x 73.3 x 8 มม.   
  • น้ำหนัก 182 กรัม   
  • ชิปเซ็ตประมวลผล  MediaTek Dimensity 920 5G 
  • กราฟิก : Mali-G68 MC4 
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB 
  • หน่วยความจำภายในความจุ 128GB 
  • การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, 5G / 4G 
  • ลำโพง เป็นแบบ Stereo ทั้งบนและล่าง
  • การรองรับซิมการ์ด : Nano SIM 2 ช่อง  
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16ล้านพิกเซล   
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น  
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล + PDAF (Sony IMX766) 
    • เลนส์ มุมกว้างความละเอียด 8  ล้านพิกเซล 119 องศา 
    • เลนส์ Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล 
    • LED Flash
  • ถ่ายวิดีโอ 4K 30fps, FHD 30/60/120/480 fps, 720p 960 fps 
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ ไม่ได้ระบุ   
  • ระบบปลดล็อค สแกนใบหน้า และ ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
  • ช่องเสียบ USB-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร   
  • แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh    
  • รองรับระบบชาร์จไฟ Super Dart Charge 65W (ติดมาให้ในกล่อง)
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0 
  • สี Aurora Green, Sunrise Blue 

Vivo X70 5G

 vivo-x70-1

รุ่นนี้มาทำตลาดนานพอสมควร ยังไม่มีทีท่าจะหายไปจากตลาดง่ายๆ สำหรับคนที่ซื้อรุ่น X70 Pro นี่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนจากราคาช่วง 2 หมื่นกลาง ตอนนี้เหลือราวๆ ไม่เกิน 16,000 บาท ยังคงเป็นอีกรุ่นที่ใช้คำว่า ควรค่าแก่การซื้อมาใช้ ถ้าไม่คิดมาก และอยากได้กล้อง Zeiss ในราคานี้ คุ้มจริงครับ

รายละเอียดสเปกของ vivo X70 

  • ขนาด: 160.1 x 75.4 x 7.6มิลลิเมตร       
  • หนัก: 181 กรัม       
  • หน้าจอแสดงผล : AMOLED ความละเอียด 1080x2376 พิกเซล ขนาดประมาณ 6.5 นิ้ว รองรับ Refresh Rate 120Hz HDR10+ 
  • มาตรฐานกัน : ไม่ระบุ 
  • ชิปเซ็ต :  MediaTek Dimensity 1200 Octa Core vivo Edition | GPU Mali-G77 MC9 
  • RAM : 8 GB          
  • ROM : 128 GB          
  • ความจำเสริม : ไม่สามารถเพิ่มความจำได้ 
  • ระบบปฏิบัติการ:  Android 11 + FunTouch OS 12 
  • WiFi 802.11 B/G/N/AC/6 (Dual Band)       
  • Bluetooth 5.2 
  • เครือข่ายมือถือ : 2G/3G/4G/5G  
  • กล้องหลัง 3 ตัว:           
    ตัวแรกเป็นของ ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล F/1.9 1 1.0µm, PDAF + Gimbal 
    ตัวที่ สอง เป็นเลนส์ Telephoto 12 ล้านพิกเซล f/2.0, 50mm (telephoto), 1/2.93", 1.22µm, PDAF, ซูมได้ 2 เท่า แบบ Optical Zoom 
    ตัวที่ สาม กล้องมุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 116 องศา 
    มาพร้อมกับ เลนส์ Zeiss และเคลือบด้วย Zeiss T* ลดแสดงสะท้อนพร้อมกับ Pixel Shift, Dual LED Flash และมี HDR รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30/60 1080p@30/60fps, gyro-EIS, HDR10+ 
  • กล้องหน้าเซลฟี่ :  ความละเอียดกล้องหลัก: 32 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอได้ 4K 
  • รองรับระบบความปลอดภัย : สแกนนิ้วในหน้าจอ และ สแกนใบหน้า 
  • ชนิดซิมการ์ด : nano SIM Dual SIM  
  • ช่องเสียบ : USB-C 
  • แบตเตอรี่ : Li-Po 4400 mAh  + Flash Charge 44W ติดมาให้กับที่กล่อง 
  • สี : Cosmic Black, Aurora Dawn 

POCO X4 GT

 

เชื่อว่าอีกไม่นานตระกูล GT จะต้องผลัดใบใหม่แล้ว นาทีนี้ POCO X4 GT กับขุมพลัง Dimensity 8100 พร้อมกับจอ 144Hz การชาร์จไฟ 67W กล้องหลัง 3 ตัวและระบบปฏิบัติการถือว่าใหม่ ในราคา ลงจากเดิมเหลือช่วง 12,000 บาท กำลังน่าคบเลย แต่ถ้าเทียบกับรุ่นใหม่ๆ รุ่นนี้ได้เปรียบที่จอสเปกดีกว่าหลายตัวครับ

สเปคเบื้องต้นของ POCO X4 GT 

  • ขนาดตัวเครื่อง : 163.74 x 75.03 x 7.99 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 187 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล : หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.6 นิ้ว หน้าจอ 144Hz DynamicSwitch DotDisplay มอเตอร์แบบ X-axis linear
  • หน่วยประมวลผล : ชิปเซ็ตเรือธง MediaTek Dimensity 8100 ขนาด 5nm ประสิทธิภาพสูงด้วย dual 5G
  • GPU : IMG PowerVR GE8320
  • RAM : 8GB
  • หน่วยความจำ : 128GB/256GB
  • รองรับ MicroSD Card ได้สูงสุด 1TB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • Main Camera :64 ล้านพิกเซล (f/1.9)
    • Ultra-Wide : 8ล้านพิกเซล (f/2.2)
    • Telephoto : 2ล้านพิกเซล (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 20ล้านพิกเซล (f/2.5)
  • ถาดซิมการ์ด : แบบ 3 Slot
  • การเชื่อมต่อ : การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot,Bluetooth 5.2, GPS , NFC
  • พอร์ต : USB Type-C
  • ระบบเสียง : พร้อมลำโพงแบบสเตอริโอ รองรับ Dolby Atmos® 
  • มาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น : IP54
  • ระบบความปลอดภัย : เซ็นเซอร์ : Fingerprint (สแกนด้านข้าง), accelerometer, proximity, gyro, compass, color spectrum
  • ระบบปฏิบัติการ : MIUI 13 บนพื้นฐาน Android 12
  • แบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ความจุ 5,080mAh รองรับชาร์จไว 67W เทอร์โบชาร์จ
  • สี : มี 3 สีให้เลือก คือสีดำ เทา และฟ้า

iPhone 12 / 12 Mini

 apple-iphone-12-r1

พูดถึง Android มาเยอะแล้ว ก็ขอ iPhone สักรุ่นล่ะกัน แม้ว่า iPhone 13 และ 13 มีฟีเจอร์และความสามารถเยอะกว่าแต่สำหรับคนที่มีงบจำกัดแต่อยากลองศักยภาพของ iPhone ที่แท้จริง การเลือก 2 สีพี่น้องอย่าง iPhone 12 และ 12 Mini มาก็ไม่ผิด กับสเปกที่ยังจัดว่าดี รองรับ 5G และใช้งานยาวๆ ไว้ใจได้ แถมยังซื้อประกันต่อกับ Apple Care+ ได้ด้วย

รายละเอียดสเปกของ iPhone 12

  • ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.4  มิลลิเมตร   
  • น้ำหนัก 164 กรัม  
  • หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
  • ความละเอียดหน้าจอ : 1170 x 2532 อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut
  • กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
  • มาตรฐานการกันน้ำ IP68  กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
  • ชิปเซ็ต : Apple A14 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 4 Core 
  • RAM: ไม่ได้ระบุ
  • ความจำในตัว :64 / 128 / 256GB 
  • เพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage   
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 14 
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.0 NFC และรองรับ Lightning Port
  • รองรับ eSIM และ Nano SIM      
  • ระบบเสียง 
  • ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย   
  • กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.6 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelaspe ทั้งกลางวันและกลางคืน 
  • กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา 
  • กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  
  • แบตเตอรี่ ไม่ได้ระบุความจุ แต่รองรับกำลังชาร์จไฟ (18W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
  • ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
  • สี : ดำ, ขาว, เขียว, น้ำเงิน และ แดง Product Red

รายละเอียดสเปกของ iPhone 12 Mini

  • ขนาดตัวเครื่อง 131.5 x 64.2 x 7.4 มิลลิเมตร   
  • น้ำหนัก 135 กรัม  
  • หน้าจอขนาด 5.4 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
  • ความละเอียดหน้าจอ : 1080 x 2340 อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut
  • กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
  • มาตรฐานการกันน้ำ IP68  กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
  • ชิปเซ็ต : Apple A14 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 4 Core 
  • RAM: ไม่ได้ระบุ
  • ความจำในตัว :64 / 128 / 256GB 
  • เพิ่มความจำผ่าน iCloud Storage   
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 14 
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.0 NFC และรองรับ Lightning Port
  • รองรับ eSIM และ Nano SIM      
  • ระบบเสียง 
  • ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย   
  • กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.6 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelaspe ทั้งกลางวันและกลางคืน 
  • กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา 
  • กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  
  • แบตเตอรี่ ไม่ได้ระบุความจุ แต่รองรับกำลังชาร์จไฟ (18W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
  • ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
  • สี : ดำ, ขาว, เขียว, น้ำเงิน และ แดง Product Red

OPPO Reno 7 Pro 5G

 oppo-reno7-pro-5g-1

ปิดท้ายสักหน่อยกับ OPPO Reno 7 Pro 5G ที่ดีไซน์แบบเหลี่ยมแต่บาง มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Color 12 (คาดว่าไปต่อได้ อย่างน้อย 1 – 2 รุ่นน่ะ) กล้องคือจุดเด่นของรุ่นนี้และชาร์จไฟไว 65W กับราคาตอนนี้ถือว่าน่าคบในช่วงหมื่นกลางๆ นี่ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยครับ

รายละเอียด OPPO Reno7 Pro 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง 158.2 x 73.2 x 7.5  มิลลิเมตร   
  • น้ำหนัก 180 กรัม  
  • หน้าจอขนาด 6.55 นิ้ว ใช้หน้าจอ AMOLED
  • ความละเอียดหน้าจอ : 1080 x 2400 อัตราส่วน 20:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Refresh Rate 90Hz
  • กระจกหน้าจอ : Gorilla Glass 5
  • มาตรฐานการกันน้ำ ไม่ได้ระบุ
  • ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 1200Max | GPU :Mali-G77MC9 
  • RAM: ไม่ได้ระบุ
  • ความจำในตัว :256GB 
  • เพิ่มความจำ ผ่านระบบ Cloud เท่านั้น
  • ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 12 + Android 12 (ไปต่อได้นะ)
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS, NFC
  • รองรับ Dual Nano SIM      
  • ระบบเสียง : ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง
  • กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย   
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F/1.8 รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, Full HD 30/60/120 FPS 
    • กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.2 มุมมอง 119 องศา 
    • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล F/2.4
  • กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล + Full HD พร้อมกับระบบ EIS
  • แบตเตอรี่ 4500mAh
  • ระบบชาร์จไฟ : กำลังสูงสุด 65W แบบ SuperVOOC
  • ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
  • สี : Starlight Black, Startrails Blue

มาถึงจุดนี้แล้ว เตือนเล็กน้อยล่ะกันครับ บางรุ่นที่แนะนำไปอาจจะทำตลาดมานานเกิน 1 – 2 ปีแล้ว การได้รับเครื่องมาอย่าลืมเช็คคุณภาพแบตเตอรี่ว่าสามารถใช้งานได้ยาวหรือหมดไวหรือไม่ และถ้าเป็นเครื่องใหม่จริงต้องไม่มีการแกะ และอุปกรณ์ในกล่องต้องมีครบ ไม่มีรอย จะถือว่านี่คือเครื่องใหม่อย่างแท้จริง

สำหรับครั้งหน้าทีม Sanook Hitech จะมี Gadget อะไรและมือถือกลุ่มไหนมาแนะนำอีกติดตามได้ในโอกาสถัดไปครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook