พูดคุยกับ “คุณอ๊อฟ เสฐียรพงศ์” ผู้บริหาร InDistinct ผู้อยู่เบื้องหลังระบบช่วยจัดการข้อมูลสำเนาบัตรป

พูดคุยกับ “คุณอ๊อฟ เสฐียรพงศ์” ผู้บริหาร InDistinct ผู้อยู่เบื้องหลังระบบช่วยจัดการข้อมูลสำเนาบัตรป

พูดคุยกับ “คุณอ๊อฟ เสฐียรพงศ์” ผู้บริหาร InDistinct  ผู้อยู่เบื้องหลังระบบช่วยจัดการข้อมูลสำเนาบัตรป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าพูดถึงบริษัท IT ในประเทศไทยมีหลากหลาย และรวมถึงในช่วยยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ก็มีหลากหลายบริษัทเกิดขึ้นมาพอสมควรรวมถึง อินดิสทิงท์ (InDistinct) ซึ่งในรอบนี้มาพูดคุยกับผู้ก่อตั้งอย่างคุณอ๊อฟ เสฐียรพงศ์ จึงอุดมพร โดยบริษัทนี้เป็นบริษัทพัฒนา Software และ AI ช่วยเก็บข้อมูลและลดการถูกขโมยข้อมูลสำเนาบัตรประชาชนไปใช้โดยที่เราไม่ได้ยินยอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยืนยันตัวตนผ่านช่องทางออนไลน์ E-KYC แทนสำเนาบัตรประชาชน กับประเด็นต่างๆ ดังนี้

favtsszagaanxri

Q: ธุรกิจ InDistinct ให้บริการทางดิจิทัลเกี่ยวกับอะไร โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร

A: InDistinct ก่อตั้งมาโดยนำเทคโนโลยี AI เพื่อแก้ปัญหา โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แต่ในเรื่องการยืนยันตัวตนโดยใช้บัตรประชาชนไทยนั้น ไม่สามารถนำเทคโนโลยีต่างประเทศทั้งหมดเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับการใช้งานแบบที่คนไทยคุ้นชินได้ จึงได้มีการออกแบบ วิเคราะห์และพัฒนา เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำไปใช้งานได้สะดวกและน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมถึงลดต้นทุนเวลาและพนักงานในการตรวจสอบธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล ธุรกิจการเงิน ประกัน ราชการ เอกชนทั่วไป

สิ่งที่ InDistinct พยายามทำคือการทำให้ผู้ที่มีปัญหาทางสายตาหรือบกพร่องทางร่างกาย และผู้สูงอายุ สามารถใช้งานเทคโนโลยีในการยืนยันตัวตน (E-KYC) ได้ง่ายเหมือนที่ทุกคนคุ้นชินกับการจ่ายเงินผ่าน QR Code ก็สามารถใช้งานการยืนยันตัวตนโดยการใช้บัตรประชาชนจริงๆ เพื่อที่จะไม่จำเป็นต้องใช้และเก็บสำเนาบัตรประชาชนอีกต่อไป

Q: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผนวกการให้บริการของ InDistinct จะเข้ามาช่วยปิด pain point
คนไทยอย่างไรบ้าง

A: ผมเชื่อว่าทุกๆท่าน ไม่มีใครอยากใช้สำเนาบัตรประชาชนในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงข้อมูลในการยืนยันตัวตนของเรานั้นมีข่าวว่าหลุดทุกปี ดังนั้นหลักฐานในการยืนยันตัวตนจึงสำคัญมากๆ ด้วยเทคโนโลยีเดิมๆ นั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาการใช้สำเนาบัตรประชาชนได้ เราจึงเล็งเห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้เราสามารถยกเลิกการใช้สำเนาบัตรประชาชนได้ จำเป็นต้องเป็นคนที่เข้าใจที่จะพัฒนาและใช้งานปัญญาประดิษฐ์ เพื่อทำให้การตรวจเช็คเอกสารเป็นไปอย่างอัตโนมัติได้ ทำให้การตอบสนองต่อบริการต่างๆ นั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วเข้ากับยุคสมัยและลดต้นทุนได้อย่างมาก

Q: มีการรักษามาตรฐานความมั่นคง ปลอดภัยในกระบวนการทำงานบนโลกออนไลน์อย่างไร เพื่อส่งต่อผู้ใช้บริการ

A: ทุกวันนี้ในโลกเทคโนโลยีเราคงพบเจอปัญหาต่างๆ เช่น การถูกหลอกลวงทางออนไลน์ แอปดูดเงิน เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่า การส่ง OTP หรือ One Time Password นั้นไม่สามารถช่วยป้องกันได้ ซึ่งในอดีตนั้นเคยเป็นวิธีที่ปลอดภัยสูง ปัจจุบันเริ่มมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะการสแกนอัตลักษณ์ เช่น ใบหน้าหรือลายนิ้วมือ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เร็วๆ นี้ ทุกท่านที่ใช้งานแอปธนาคารจะให้มีการสแกนใบหน้าหากใช้งานธุรกรรมเกิน 50,000 บาท ในอนาคตอันใกล้สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น New normal ของความปลอดภัยและความสะดวก เพื่อจะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเรามากขึ้น เช่น การแพทย์, การเงิน, เป็นต้น แทนที่การใช้งานสำเนาบัตรประชาชนมากขึ้นในอนาคต

Q: มองภาพอนาคตคนไทยกับการใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนอย่างไร (เช่น คนไทยไม่ต้องถ่ายเอกสารแล้ว)

A: ผมเชื่อว่าทุกคนเคยจินตนาการว่า หากเราไปโรงพยาบาล เพื่อเข้ารับการรักษา เพียงแค่นำบัตรประชาชนและตัวเราไปที่โรงพยาบาล หรือออนไลน์ สามารถเข้าถึงบริการและสิทธิต่างๆ ที่เราสามารถใช้งานได้ โดยลดเวลาการรอคิวหรือการทำเอกสารจำนวนมากๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านั้นมาถึงแล้ว ดังนั้นการใช้สำเนาบัตรประชาชนกำลังจะค่อยๆ ถูกยกเลิกใช้จากระบบต่างๆ และวันหนึ่งจะไม่มีใครจำได้แล้วว่า เราเคยเซ็นสำเนาบัตรประชาชนเป็น 10 ใบกันไปได้อย่างไร

1651065490282666

Q: ในฐานะผู้ให้บริการทางดิจิทัล มองว่าธุรกิจกลุ่ม Service Provider จะมีโอกาสเติบโตอย่างไร รวมถึงอยากให้ภาครัฐ/ภาคเอกชน เข้ามาช่วยเติมเต็มพัฒนาธุรกิจเหล่านี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันดิจิทัลของเมืองไทยอย่างไรบ้าง

A: ในเรื่องของการที่จะไปสู่ยุค Digital ได้ก็อาจจะให้มีการทำงานร่วมกันและปรับรูปแบบให้เหมาะกับสังคมดิจิทัลได้มากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องยกเลิกระบบกระดาษทั้งหมด แต่ปรับให้เหมาะสมและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เข้ามามีส่วนสำคัญมากขึ้น

Q: การมาร่วมมือกับ ETDA เพื่อเป้าหมายร่วมกันคือ ทำให้ ‘คนไทยมีความสุขจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล’ ในงาน DGT 2023 ที่ผ่านมา ทาง InDistinct จะมีการนำจุดแข็ง/ข้อดีด้านดิจิทัล มาส่งต่อคนไทยอย่างไร

A: การคิดค้นและพัฒนา รวมถึงการวิจัยที่มีอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่า เทคโนโลยีที่ทำขึ้นไปจะสามารถตอบโจทย์ต่อการใช้งานของคนไทยได้มากและมีประโยชน์ในอนาคต และเชื่อว่าเราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการนำเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง และสะดวกต่อการใช้ชีวิต รวมถึงการลดใช้กระดาษและลดโลกร้อน ย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยมีความสุขมากขึ้นในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างปัญญาประดิษฐ์โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

Q: เป้าหมาย/ความคาดหวังของ ETDA ต่อยอดจากงาน DGT 2023 ที่จะทำประโยชน์ต่อไปในอนาคต

A: สำหรับเป้าหมายที่หวังต่อกับทาง ETDA ในการต่อยอดหลังจากงาน DGT 2023 นั้น เพื่อทำเทคโนโลยีให้คนไทยเข้าถึงได้ง่ายและถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่กล้าที่จะทำให้การทำงานแตกต่าง เพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้งาน ทำให้คนไทยมีความสุขมากขึ้น เพื่อทำให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้และคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาทางด้านร่างกายโดยเฉพาะสายตา ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยให้ได้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook