การเติบโตอันน่าทึ่งของ ระบบปฏิบัติการ อูบุนตู
กูเกิล เสิร์ชเอ็นจิ้น ที่ก้าวขึ้นมาจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจในไอที มีพนักงานอยู่ราวๆ 20,000 คน เกือบครึ่งหนึ่งของคอมพิวเตอร์ที่พนักงานกูเกิลใช้ทำงานอยู่ทุกวันนั้นใช้ระบบปฏิบัติการ "อูบุนตู" ซึ่งเป็น "ลีนุกซ์" สายพันธุ์หนึ่งที่เติบโตเร็วที่สุด โดยมีการปรับแต่งจากเดิมเล็กน้อยแล้วพนักงานในบริษัทเรียกกันเล่นๆ ว่า "กูบุนตู"
"มาร์ค ชัตเติลเวิร์ท" แห่งบริษัทแคโนนิแคล เศรษฐีหนุ่มจากแอฟริกาใต้ ผู้สนับสนุนหลักทางการเงินสำหรับระบบปฏิบัติการอูบุนตู ใช้เวลาเพียงแค่สี่ปีทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็ว บนพื้นฐานแนวความคิดโอเพ่นซอร์ซซอฟต์แวร์ที่เชื่อว่าความร่วมไม้ร่วมมือจะนำมาซึ่งซอฟต์แวร์ระบบเปิดที่ดีกว่าและถูกกว่าซอฟต์แวร์แบบปิด
ประเมินกันว่าปัจจุบันมีผู้ใช้อูบุนตูอยู่ ทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านคน
ขณะที่แต่เดิมมานั้นระบบปฏิบัติการ ลีนุกซ์จะใช้กันอยู่ในแวดวงจำกัดของนักพัฒนาและพวกที่ชอบเล่นกับเทคโนโลยี ทว่าสำหรับอูบุนตูแล้ว เข็มมุ่งของชัตเติลเวิร์ท ชัดเจนมาแต่ต้นก็คือทำให้มันเป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วๆ ไปมากที่สุด เป้าหมายของเขาคือการสร้างลีนุกซ์ เดสก์ทอปสำหรับคนทั่วๆ ไป ไม่ใช่เฉพาะพวก "Geek"
หากพิจารณาจากการเติบโตของ อูบุนตู ชัตเติลเวิร์ทและสหายก็น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางเอาไว้
"คริส ดิโบน่า" ผู้จัดการฝ่ายโครงการโอเพ่นซอร์ซซอฟต์แวร์ แห่งกูเกิล กล่าวว่าเขาคิดว่าอูบุนตูเป็นลีนุกซ์เดสก์ทอปที่สามารถครองใจผู้ใช้
งานได้ และบอกด้วยว่า ความหวังของลีนุกซ์ถ้าจะมีก็อยู่ที่อูบุนตูนี่แหละ
ผู้ใช้ที่มีประสบการณ์กับวินโดวส์มาก่อนจะพบว่าการใช้งานอูบุนตูก็ง่ายและคล้ายๆ กัน เข้าถึงผู้ใช้ทั่วๆ ไปได้ค่อนข่างง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ของลีนุกซ์ ยอดผู้ใช้งานจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคหลายอย่างหากต้องการจะผลักดันให้อูบุนตูขึ้นไปสู่ระบบปฏิบัติการกระแสหลักได้
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่แคโนนิแคลพยายามจะแก้ไขมาเป็นลำดับ และรักษาจุดยืนในการพัฒนาให้เป็นลีนุกซ์ เดสก์ทอปสำหรับคนทั่วๆ ไปไว้มั่นคง
"ไอดีซี" ประเมินว่าปัจจุบันประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจอเมริกันใช้คอมพิวเตอร์ ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการอูบุนตู ส่วนในยุโรปนั้นการใช้งานยิ่งเป็นอย่างกว้างขวาง เช่น อูบุนตู 180,000 บนคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนในมาซีโอเนีย 195,000 เครื่องของโรงเรียนในสเปน และกว่า 80,000 เครื่องในหน่วยงานสภาและสำนักงานตำรวจฝรั่งเศส
แม้ว่าในเชิงธุรกิจแล้ว แคโนนิแคล ยากจะทำกำไรได้ แต่เป้าหมายของชัตเติลเวิร์ทคือการสร้างความเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานให้กับโลกของระบบปฏิบัติการบนพื้นฐานของโอเพ่นซอร์ซซอฟต์แวร์ ซึ่งเชื่อกันว่าในสภาพวิกฤตเศรษฐกิจที่ลามไปทั่วโลกเวลานี้ คือ โอกาสทองของโอเพ่นซอร์ซซอฟต์แวร์เลยทีเดียว