อนาคตคอมส่วนตัว มินิเธียเตอร์เคลื่อนที่ดีๆ

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ผลิตชิปทั้งอินเทลและเอเอ็มดีต่างออกผลิตภัณฑ์สำหรับเครื่องโน้ตบุ๊กมากระตุ้นตลาด โดยแต่ละค่ายก็เน้นจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ค่ายอินเทลมาเน้นที่ความเป็นเทคโนโลยีใหม่ 90 นาโนเมตร ที่โดดเด่นในเรื่องราคาที่ต่ำลง เร็วมากขึ้น และร้อนน้อยลง ส่วนเอเอ็มดีเน้นที่กินไฟน้อย ร้อนน้อยและมีระบบรักษาความปลอดภัยคือป้องกันไวรัสในตัว ผมเองได้ยืนคุยกับผู้บริหารอินเทลในเมืองไทยว่า อนาคตของโน้ตบุ๊กจะเป็นอย่างไร เพราะยิ่งดูไปดูมาแนวโน้มมันจะเข้ามาทดแทนเครื่องพีซีมากขึ้น คำตอบที่เห็นชัดก็คือ หากเป็นเมื่อก่อนโน้ตบุ๊กนั้นเขามีไว้ทำงาน เช่นพิมพ์งาน เช็คอีเมล์ และงานธุรกิจอื่นๆ คนที่ซื้อใช้ก็จะเป็นพวกนักธุรกิจเพราะราคามันแพงเกินกว่าจะซื้อมาเล่นกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เพราะหลังจากที่เริ่มมีการผลิตชิปสำหรับเครื่องโน้ตบุ๊กโดยเฉพาะ เครื่องมันก็สามารถทำงานได้มากขึ้นและดีขึ้น สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการนำเทคโนโลยี 90 นาโนเมตรมาใช้ก็คือ มันเป็นเครื่องมือที่ทำให้โน้ตบุ๊กเล็กลงและถูกกว่าเดิม ที่สำคัญก็คือลักษณะการใช้งานที่แต่เดิมเอาไว้ทำแต่งานตอนนี้มันก็เอาไว้ใช้งานมัลติมีเดียได้แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ มันเอาไว้เล่นเกมได้ ดูหนัง ฟัง เพลงได้ ผมเชื่อว่ามีนักธุรกิจที่ใช้โน้ตบุ๊กจำนวนมากที่เอาเครื่องมาเล่นเกม แต่เกมใหญ่ๆ หรือเกมที่ต้องใช้เครื่องดีๆ มารองรับนั้นราคาแพง แถมการจะจูนเครื่องในภายหลังเหมือนกับพีซีนั้นโน้ตบุ๊กทำได้ยากมาก ไม่มีใครหรอกครับที่จะเปิดเครื่องโน้ตบุ๊กมาใส่โน่นใส่นี่เพิ่มเติม ส่วนใหญ่ก็เดิมๆ ทั้งนั้นแหละ การที่โน้ตบุ๊กมีคุณสมบัติในการเล่นเกมดีขึ้นและราคาถูกลงนั่นก็หมายถึงว่า โน้ตบุ๊กนั้นไม่จำกัดเฉพาะนักธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะว่าราคาขณะนี้คนธรรมดาหรือนักศึกษาทั่วไปก็ซื้อมาใช้ได้ไม่ยาก แต่นี่ผมคิดว่าภาพนี้เราเห็นกันไปสักพักหนึ่งแล้ว ภาพต่อไปที่เราจะเห็นนั้นต้องรออีก 6 เดือน ผู้บริหารของอินเทลกล่าวว่าในแล็บของอินเทลที่เขาไปดูมานั้นตื่นตาตื่นใจพอสมควร เพราะว่าโน้ตบุ๊กในอนาคตจะกลายเป็นเครื่องเสียง ไม่ผิดหรอกครับเครื่องเสียงที่สามารถเล่นระบบ 7.1 แชนแนลได้โดยไม่ต้องไปซื้อการ์ดมาใส่แต่อย่างใด เป็นที่รู้กันว่าระบบเสียงของโน้ตบุ๊กที่เป็นอยู่ปัจจุบันนั้นเข้าขั้นห่วยแตก ฟังอย่างไรมันก็ประป๋องอยู่ดี ต่อให้เอาลำโพงของเครื่องพีซีมาต่อ เสียงมันก็ยังแย่เหมือนเดิม ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงมากไปกว่านี้ได้ พอมาถึงโน้ตบุ๊กตัวใหม่ต่อให้ภาพดี กินไฟน้อย แต่ดูเหมือนคอโฮมเธียเตอร์ทั้งหลายก็ยังส่ายหัวเรื่องระบบเสียงอยู่ดี ไอ้ครั้นจะซื้อการ์ด 5.1 แชนแนลมาเสียบก็ไม่คิดว่ามันจะดีขึ้นเท่าใดนัก ดังนั้นคงต้องรอไปอีก 6 เดือนเมื่อชิปตัวใหม่ที่มาพร้อมชิปเซ็ตคลอดออกมา คราวนี้แค่เปิดโน้ตบุ๊กแบบไม่ต้องต่อลำโพงคุณภาพเสียงแบบสเตริโอที่เราได้รับก็จะแตกต่างจากเสียงกระป๋องเดิมๆ อย่างชัดเจน ลองวาดอนาคตต่อว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น? ตอนนั้นเครื่องโปรเจคเตอร์ที่ฉายหนังได้ราคาก็จะลดลงมา ตามด้วยเครื่องเสียงที่ต่อกับคอมพิวเตอร์ก็ราคาไม่สูงมากนัก เราก็สามารถยกโน้ตบุ๊กเครื่องเก่งของเราไปต่อกับอุปกรณ์เหล่านี้ที่ไหนก็ได้ เราก็จะได้คุณภาพของเสียงที่เนี๊ยบ ขณะที่เราทำงานไปด้วยอย่างสบายใจ ขณะเดียวกันก็ใช้ระบบไว-ไฟ ออนไลน์ต่อเน็ตไปด้วยเลยก็ได้ มองในมุมกลับเมื่อเทคโนโลยีของผู้ผลิตชิปและชิปเซ็ตพยายามที่จะกลืนเข้าไปสู่อุปกรณ์เสริมอย่างเช่นการ์ดจอ หรือว่าซาวน์การ์ด ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมพวกนี้ก็ต้องดิ้นรนเพื่อหนีอินเทลออกไป โดยต้องผลิตสินค้าที่เหนือกว่าสำหรับคนที่ต้องการความพิเศษกว่า ซึ่งในแง่แนวโน้มของเทคโนโลยีก็ต้องไปทางนั้นอยู่แล้ว ซึ่งกลายเป็นว่าเทคโนโลยีทำให้เราต้องจ่ายเงินมากขึ้นโดยใช่เหตุ ลองดูตัวอย่างนี้สิครับ หากเป็นเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราดูหนังเรื่อง Matrix ตอนแรก อาจดูจากโรงหนังแล้วจบแล้วจบกัน พอมีวิดีโอเราก็ซื้อเก็บเอาไว้ ครั้นมีวีซีดีเราก็ซื้ออีก พอตอนนี้มีดีวีดีก็เสียเงินอีกเหมือนกัน คิดว่าหากมีเทคโนโลยีใหม่เราก็ต้องควักเงินทั้งที่เนื้อหาหรือ Content ยังเหมือนเดิม ผมว่าที่เราซื้อใหม่ก็คือเราจ่ายค่าเทคโนโลยีนั่นเอง ข่าวจากเมืองนอกแจ้งมาว่าแม้ว่าอินเทลจะประสบความสำเร็จในตัวชิปสำหรับเครื่องโน้ตบุ๊กแต่กว่าจะคลอดออกมาได้ก็เล่นเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพราะ 90 นาโนเมตรมันไม่ได้ง่าย แต่สำหรับเครื่องพีซีคงต้องรอไปก่อนเพราะปัญหาเรื่องความร้อนที่ยังไม่จบ หากข่าวคราวออกมาอย่างนี้จริงจากความคิดเดิมที่มองว่าทิศทางของโน้ตบุ๊กในระยะสั้นนั้นชัดเจนแล้วว่าจะไปทางไหน แต่สำหรับพีซีนั้นเรารู้กันว่ามันจะพัฒนาเป็น Media Center ซึ่งความสามารถของมันก็จะชัดเจนในระดับหนึ่ง แต่ต่อจากนั้นแล้วผู้ผลิตพีซีต้องการให้มันเป็นอะไรจะเอาเทคโนโลยีอะไรยังมืดบอดมองไม่ออก ที่เห็นก็อาจจะเป็นการเป็นพีซีเฉพาะทางเช่นเป็นพีซีเล่นเกม พีซีสำหรับเก็บไฟล์หนังแบบเซิร์ฟเวอร์น้อยๆ งานนี้คงต้องรอดูกันแบบเกมยาว ขอขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์