2 ยักษ์พรินเตอร์เปิดศึกชิงแชร์ตลาดครึ่งปีหลัง

2 ยักษ์พรินเตอร์เปิดศึกชิงแชร์ตลาดครึ่งปีหลัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เดลินิวส์ : ตลาดพรินเตอร์แข่งดุ แคนนอนเปิดศึกดัมพ์ราคาไดเร็กต์พรินเตอร์ลง 50% หมายกระตุ้นตลาด ด้านเอชพีปรับยุทธศาสตร์มุ่งทำตลาดพรินเตอร์มัลติฟังก์ชัน ชี้แนวโน้มการเติบโตสูง วางแผนจับลูกค้าคอมพ์เอื้อไอซีทีเป็นเป้าใหม่ นายวรินทร์ ตันติพงษ์พาณิช ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ส่วนคอนซูเมอร์ซิสเต็มโปรดักต์ บริษัทแคนนอน มาร์เก็ตติ้ง ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการทำตลาดหลักของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือการมุ่งเน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ไดเร็กต์ โฟโต้ พรินเตอร์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลแคนนอน พาวเวอร ช็อต หรือจากการ์ดหน่วยความจำของกล้องดิจิตอลทุกยี่ห้อ ตลอดระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มผู้ใช้กล้องดิจิตอลมองเห็นโอกาสของการใช้งานกล้องดิจิตอลกับเครื่องพรินเตอร์เทคโนโลยีพรินต์ไดเร็กต์ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ สำหรับกิจกรรมทางการตลาดแรกที่ออกมาสู่ตลาด คือ แคมเปญ "พรินท์กระจาย ไดเร็กต์พรินเตอร์แคนนอน ลดราคากว่า 50%" โดยภายใต้แคมเปญดังกล่าวนั้นลูกค้าจะได้รับส่วนลดทันทีเมื่อซื้อไดเร็กต์ โฟโต พรินเตอร์ รุ่นเอส 830 ดี ซึ่งไดเร็กต์ โฟโต พรินเตอร์ เทคโนโลยีตลับหมึกแยกสี (Think Tanks) ในราคา เพียง 9,990 บาท (ไม่รวม VAT) จากปกติราคา 19,300 บาท และรุ่น เอส 530 ดี ซึ่งเป็นไดเร็กต์ โฟโต พรินเตอร์เทคโนโลยีตลับหมึกแยกสี (Think Tanks) เช่นเดียวกัน ในราคา 7,990 บาท จากปกติราคา 12,520 บาท นายวรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทมียอดขายพรินเตอร์ทั้งหมเฉลี่ยเดือนละ 20,000 เครื่อง โดยแบ่งเป็นสัดส่วนการทำตลาดไดเร็กต์ โฟโต พรินเตอร์ ไม่ถึง 10% ทั้งนี้คาดว่าภายหลังการปรับราคาไดเร็กต์ โฟโตพรินเตอร์แบบตลับหมึกแยกสีลงมาจะช่วย กระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ใหสูงขึ้นโดยคาดว่าจะมียอดขายในรุ่น เอส 830 ดี ประมาณเดือนละ 200-300 เครื่อง และรุ่น เอส 530 ดี ประมาณเดือนละ 300-400 เครื่อง ด้านนายกฤษณ์ กิตติทัตต์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประ-เทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์การตลาด ของบริษัทในครึ่งปีหลังของปีนี้จะมุ่งให้ความสำคัญกับการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ ออลอินวัน หรือมัลติฟังก์ชันมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาด ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงถึง 60-70% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งสินค้าของบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดดังกล่าวประมาณ 75% โดยแผนการทำตลาดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่สำคัญ คือบริษัทจะมุ่งนำเสนอสินค้าไปยังกลุ่มผู้ใช้พรินเตอร์ไอซีทีเป็นหลัก ทั้งนี้มองว่าหลังจากที่ผู้ใช้มีการใช้งานจนกระทั่งหมึกหมด จะมีความต้องการใช้งานมากขึ้น และหันมาเลือกซื้อเครื่องใหม่ที่มีการทำงานหลากหลายมากกว่าการซื้อหมึกไปเปลี่ยนใหม่ โดยในปัจจุบันเครื่องออลอินวันมีราคาต่ำสุดเพียง 4,990 บาท เท่านั้น ส่วนตลาดพรินเตอร์แบบอิงก์เจ็ตนั้นบริษัทคงมุ่งรักษาส่วนแบ่งตลาดส่วนนี้เอาไว้ โดยที่ผ่านมาอิงก์เจ็ตพรินเตอร์ของเอชพีมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 25% โดยกลยุทธ์การรักษาส่วนแบ่งที่สำคัญ คือการนำสินค้าใหม่เข้ามา ทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดบริษัทได้นำอิงก์เจ็ตพรินเตอร์รุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด 4 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นเดสก์เจ็ต 3550 ซึ่งเป็นรุ่นทำตลาดแบบแมส ราคาจำหน่ายประมาณ 2,490 บาท รุ่นเดสก์เจ็ต 3650 ซึ่งเป็นพรินเตอร์พิมพ์หมึก 6 สี มีความเร็วการพิมพ์ 14 หน้าต่อนาที ราคาจำหน่ายประมาณ 3,790 บาท รุ่นเดสก์เจ็ต 5160 ซึ่งเป็นพรินเตอร์เทคโนโลยีพิมพ์หมึก 6 สี ราคาจำหน่าย 5,490 บาท และ รุ่นเดสก์เจ็ต 5652 ซึ่งมีความเร็วการพิมพ์ 21 หน้าต่อนาที เทคโนโลยีการพิมพ์ 6 สี ราคาจำหน่าย 7,490 บาท นอกจากนี้บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ให้ผู้บริโภคทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ฟรี "SMART Connections 99 Family" ขึ้นมาในตลาดภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยบริษัทจะดำเนินการรับสมัคร และคัดเลือกครอบครัว ประเทศละ 99 ครอบครัว เข้ามาร่วมโครงการ โดยผู้ร่วมโครงการสามารถทดลองใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องพิมพ์ดิจิตอลและอุปกรณ์ด้านงาน ภาพที่มีแผนเปิดตัวในครึ่งปีหลัง โดยบริษัทต้องการใช้โครงการดังกล่าววัดกระแสความพอใจจากกลุ่มผู้บริโภคก่อนเปิดตัวสินค้าอย่างเป็นทางการ สำหรับกลุ่มตัวอย่างเป้าหมาย ได้แก่ ครอบครัวนักแสดง นักการตลาด สื่อมวลชน นักธุรกิจ แพทย์ นักศึกษา เป็นต้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook