รีวิว MacBook 1.83GHz

รีวิว MacBook 1.83GHz

รีวิว MacBook 1.83GHz
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


Introduction



หลายๆ คนที่กำลังคิดจะซื้อโน้ตบุ๊คราคาประมาณ 5 หมื่นบาท บวกลบได้นิดหน่อย คงต้องชะงักเมื่อเจอโน้ตบุ๊คสีขาว เรียบหรู ที่มีนามว่า MacBook ซึ่งหากเป็นในอดีตคุณคงไม่ใยดีมันมากนัก เพราะมันมาจาก Apple ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Mac OS X ที่คุณไม่คุ้นเคยถึงแม้ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการที่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่หลายคนก็ยังไม่อยากเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่คุ้นเคยอย่าง Windows XP

แต่ในวันนี้ MacBook ทำให้คุณอยากลิ้มลอง กล้าที่จะเสี่ยง เพราะวันนี้มันสามารถติดตั้ง Windows XP ได้อย่างสมบูรณ์ ผ่านยูทิลิตี้เล็กที่ชื่อว่า Boot camp เพื่อแบ่งพาทิชั่นลงแบบ Dual OS และก็เป็นการง่ายสำหรับทีมง่าย TechXcite ที่จะทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับโน้ตบุ๊คยี่ห้ออื่นๆ ได้ง่ายขึ้น

Specification

1.83GHz MacBook (MA254LL/A)

รุ่นที่เรานำมาทดสอบเป็นรุ่นที่ใช้ CPU Intel Core Duo ความเร็ว 1.83 GHz ซึ่งเป็นรุ่นสีขาว ราคาไม่แพงจนเกินไปนะครับ

CPU-Z / Everest

จุดที่น่าสังเกตอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือความเร็วแรมที่ใช้เป็นบัส DDR2-PC5300 ซึ่งใช้ Bus 333 MHz ซึ่งเป็นความเร็วแรมที่ค่อนข้างหาซื้อยากในขณะนี้ และมีราคาแพงกว่าแรมความเร็ว 266 MHz แต่เมื่อดูที่ความเร็ว 333 MHz แล้ว CAS Latency กลับมีถึง 5 เท่า ตรงนี้สันนิษฐานได้ว่า หากนำแรมความเร็ว 266 MHz มาโอเวอร์คล๊อก เป็น 333 MHz ก็จะได้ CAS ประมาณ 5 เท่าเช่นกัน ซึ่งภายหลังผมได้ทดสอบนำแรม DDR2 266 MHz มาติดตั้งใน MacBook ของเพื่อนผมแผงละ 1 GB x 2 ก็สามารถบูตเครื่องได้เช่นกัน และสามารถทำงานได้อย่างเสถียร ซึ่งตรงนี้ผมคงไม่ขอฟันธงนะครับ ขึ้นอยู่กับแรมแต่ละยี่ห้อด้วย

อีกเรื่องหนึ่งที่จะเล่าให้ฟังคือ เมื่อผมพาเพื่อนไปซื้อ MacBook ตามร้านขายแมค กลับเจอเรื่องน่าเบื่อหน่าย คือเวลาผมถามรายละเอียดเกี่ยวกับ Mac บางร้าน มักมีการแบ่งพักแบ่งพวก ใส่ใข่ สาดโคลน ร้านคู่แข่งขาย Mac อื่นๆ ว่าร้านอื่นไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี้ พอไปถามอีกร้านหนึ่งก็สาดกลับ ซึ่งผมว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่

Build & Design



สำหรับการออกแบบ MacBook ถูกพัฒนาต่อมาจาก iBook รุ่นเดิม โดยเน้นความเรียบง่ายสีขาว น้ำหนักเบา พกพาสะดวกมากๆ ไม่รู้สึกถึงความหนักของ MacBook เลยขณะเดินทาง เรื่องการออกแบบนับว่าหาที่ติได้ยากในเรื่องความสวย การประกอบเรียบร้อยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รุ่นนี้เวลาพับจะไม่มีตัวล๊อกฝาพับแบบสลัก แต่จะใช้เป็นแม่เหล็กแทน ทำให้ขอบจอภาพเรียบสนิทสวยงาม


สำหรับวัสดุที่ใช้นั้น ค่อนข้างเป็นรอยได้ง่ายมาก เวลาใช้งานต้องถนอมรักษาให้ดี เพราะมีหลายคนบ่นเรื่องพื้นผิวเป็นรอยง่ายมากๆ ดูแลรักษายากมาก ซึ่ง MacBook นั้นมีรุ่นสีดำด้วยเช่นกัน ซึ่งน่าจะเป็นรอยได้ยากกว่า แต่เป็นรุ่น 2.0 GHz ต้องเพิ่มราคาค่อนข้างมาก

LCD Display


จอ LCD ของ MacBook ถูกพัฒนามากขึ้นจากรุ่น iBook ให้มีความสว่างมากขึ้น จากที่ได้ทดลองใช้ต้องยอมรับว่ามีความสว่าง สีสันสดใสดีมาก จอภาพเป็นแบบ Glossy เคลือบเงา ซึ่งมีข้อดีเรื่องความสว่างสดใส แต่ก็มีปัญหาเรื่องการตัดแสงสะท้อนบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มากนัก สำหรับเรื่องความเร็วในการตอบสนอง Response Time ค่อนข้างช้า เวลาดูภาพเคลื่อนไหวบนจอภาพมักเกิดภาพเงาซ้อน (Ghost Image) ได้ง่าย

Touchpad


ทัชแพดของ MacBook นั้นมีพื้นที่กว้างมาก ช่วยให้สามารถลากเคอร์เซอร์ได้ง่ายมาก แต่มีปุ่มให้เพียงปุ่มเดียว คือปุ่มคลิกซ้าย หากคุณใช้ OS X จะสามารถใช้วิธีเคาะที่ทัชแพดเพื่อคลิกได้ และยังปรับแต่งฟังค์ชั่นการทำงานได้มาก เช่น การใช้สองนิ้วเคาะเพื่อเลื่อนหน้าจอโปรแกรมต่างๆ แต่หากลง Windows XP แล้ว จะไม่สามารถปรับแต่งคุณสมบัติได้มากนัก รวมถึงการเคาะบนทัชแพดเพื่อคลิกด้วย ไม่แน่ว่าในอนาคตจะมีการปรับปรุงไดรเวอร์ Bootcamp ให้สามารถปรับแต่งได้หรือไม่

Keyboard


คีย์บอร์ดจัดวางเลย์เอาท์เรียบง่ายสไตล์ Mac ซึ่งหากลง Windows XP บางปุ่มอาจจะขาดหายไป และสลับกันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปุ่มที่สำคัญอะไรมานัก เช่น ปุ่ม Insert, Page up, Page down สำหรับปุ่มของ MacBook มีสกรีนภาษาไทยมาให้ (ในรูปเป็นรุ่นทดสอบ) ต่างจาก MacBook Pro ไม่มีสกรีนภาษาไทยให้ ปุ่มเวลากดค่อนข้างสปริงตัวได้ดี ด้านบนสุดบริเวณบานพับเป็นช่องระบายความร้อน ทำให้มีปัญหาเวลาพับฝาจอจะระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก


สังเกตบริเวณปุ่มบนแป้นคีย์บอร์ดจะมีช่องว่างค่อนข้างมาก ทำให้อาจมีเศษฝุ่นตกลงไปติดได้ง่าย

Port Connection


เริ่มจากด้านขวาจะมีเพียงช่องใส่ CD/DVD แบบ Slot in เท่านั้น ส่วนด้านหลังจะมีลำโพงเล็กๆ อยู่ทั้งซ้ายและขวา จากการทดสอบลำโพงเสียงค่อนข้างเบา แม้ว่าจะพยายามเร่งจนสุดแล้วก็ตาม


ส่วนด้านซ้ายจะอุดมไปด้วยพอร์ตต่างๆ ตั้งแต่ปลั๊ก Power ที่ถูกออกแบบเป็นแม่เหล็กคล้ายปลั๊กไฟกระติกน้ำร้อน ช่วยให้เวลาสะดุดสายไฟ สายไฟจะหลุดทันที โดยโน้ตบุ๊คไม่ร่วงตามลงไปด้วย ถัดมาเป็นพอร์ต Ethernet สำหรับต่อสาย LAN ถัดไปอีกเป็น Mini DVI ซึ่งถ้าต้องการต่อ Projector หรือจอ LCD เพิ่มจะต้องซื้ออแดปเตอร์เพิ่มเติม เส้นละประมาณ 1 พันบาท ถัดไปเป็นพอร์ต FireWire, USB 2 พอร์ต, ช่องเสียบหูฟังและไมโครโฟน, ที่คล้องสายล๊อคโน้ตบุ๊ค

Accessories


กล้อง iSight เป็น Web Camera ความละเอียด 3 แสนพิกเซล จากการทดลองใช้ มีความคมชัดที่ดีมาก การตอบสนองฉับไวมีสีสันสดใสดีทีเดียว


แถมรีโมทสำหรับใช้งานกับโปรแกรม FrontRow บน OS X ซึ่งบน Windows ยังไม่สามารถใช้งานได้ครับ


จุดเด่นที่ผมชอบ MacBook อีกอย่างหนึ่งคืออแดปเตอร์ที่มีขนาดเล็กมาก ซึ่งช่วยให้เวลาพกพาไปไหนสะดวกมากๆ และไม่เกะกะเลยต่างจากโน้ตบุ๊คบางรุ่นที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กแต่อแดปเตอร์กลับมีขนาดใหญพกพาลำบาก

Software & Utility


ซอฟต์แวร์ที่ให้มากับ MacBook Pro เป็นซอฟต์แวร์ที่น่าใช้งานมาก ได้แก่ระบบปฏิบัติการ Mac OS X ที่จัดว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่น่าใช้งานมาก และชุด iLife06 ที่ประกอบไปด้วย iPhoto, iMovie, iDVD, GarageBand, iWeb, iTune ซึ่งซอฟแวร์ชุดนี้ สามารถทำให้คุณใช้งาน Mac OS X อย่างเพลิดเพลิน เสียแต่ว่า ขาดชุด Office ซึ่งคุณสามารถหา iWork ซึ่งมีโปรแกรม Page และ Keynote ซึ่งเป็นโปรแกรมคล้ายๆ Word และ PowerPoint สนนราคาประมาณ 4,000 บาท



นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่เสริมลูกเล่น เล็กๆ น้อยๆ เช่น Photo Booth ที่เอาไว้ถ่ายรูปจากกล้อง iSight ที่ติดอยู่บนจอภาพ ซึ่งกล้อง iSight มีความละเอียดประมาณ 3 แสนพิกเซล แต่มีความคมชัดดีมาก และตอบสนองได้ไวดีครับ

นอกจากซอฟต์แวร์ที่แถมมาให้แบบคุณภาพคับแก้วแล้ว คุณยังสามารถไปดาวน์โหลด Utility ที่ชื่อว่า Boot Camp ซึ่งช่วยให้คุณสามารถติดตั้ง Windows XP ลงบนเครื่อง Mac ได้ โดยหลักการง่ายๆ คือ เมื่อติดตั้ง Boot Camp แล้ว เรียกโปรแกรมขึ้นมาโปรแกรมจะให้แบ่งพาทิชั่นบนฮาร์ดดิสก์ เพื่อติดตั้ง Windows XP ให้ ซึ่งวิธีการใช้งานก็ไม่ยาก แต่ควรอ่านคำแนะนำให้ดีก่อนติดตั้งนะครับ หลังจากที่ทดสอบติดตั้ง Windows XP ด้วย Boot Camp เวอร์ชั่น Beta 1.1 ได้ปรับปรุงเรื่องกล้อง iSight, แป้นคีย์บอร์ด, ช่องเสียบไมค์และหูฟัง ให้สามารถใช้งานได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น แต่ทัชแพดยังไม่สามารถ เคาะ เพื่อคลิกได้

Performance

เราทดสอบบน Windows XP ซึ่งหลายคนอาจมองว่าไม่ยุติธรรมนัก เนื่องจาก MacBook ถูกออกแบบมาเพื่อ OS X ดังนั้นบน OS X จึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด และไดรเวอร์ BootCamp ยังคงเป็น Beta อยู่ อีกทั้ง Apple คงไม่พยายามปรับแต่งเพื่อ Windows XP มากมายเท่าไร ทำให้ประสิทธิภาพอาจหดหายไปเนื่องจากไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ แต่ทางทีมงานมองว่า การทดสอบบน Windows XP เป็นการง่ายที่จะนำไปเปรียบเทียบกับโน้ตบุ๊คยี่ห้ออื่นๆ อีกทั้งหากทดสอบบน OS X คงไม่สามารถค่าที่ได้ไปเทียบกับใครได้

PCMarks 05


ทดสอบด้วยโปรแกรม PC Marks 2005 ประสิทธิภาพโดยรวมอยู่ในระดับดี โดยคะแนนซีพียูค่อนข้างสูง แต่ถูกฉุดคะแนนลงด้วยประสิทธิภาพการ์ดจอ และฮาร์ดดิสก์

3D Mark 2005


ทดสอบประสิทธิภาพการ์ดจอเป็นไปตามคาด เพราะเป็นการ์ดจอออนบอร์ด

Quake 4

ความเร็วในการเล่นเกม Quake4 ค่อนข้างต่ำเพียง 9 13 เฟรมเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเล่นได้จริง เพราะความเร็วที่สามารถเล่นได้อยู่ที่ 24 เฟรมขึ้นไป

Resolution: 800×600
Demo: guru5.demo
Quality: Medium
Aspect Ratio: [16:9]
Symmetric MultiProcessing (SMP) enabled
Score = 13.3 FPS

Resolution: 1024×768
Demo: guru5.demo
Quality: Medium
Aspect Ratio: [16:9]
Symmetric MultiProcessing (SMP) enabled
Score = 9.1 FPS


Nero Info


MacBook รุ่น 1.83 GHz ให้เป็น Combo Drive สามารถเขียนแผ่น CD ได้ และอ่าน DVD ได้ แต่ไม่สามารถเขียนแผ่น DVD ได้คับ

Battery Eater


แบตเตอรี่ MacBook ขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว การถอดแบตเตอรี่ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องใช้เหรียญบาท หมุนสลักปลดล๊อกก่อนจึงจะสามารถถอดแบตเตอรี่ได้ และภายในจะสามารถเข้าถึงแรมเพื่ออัปเกรดได้ด้วย เพียงแต่ต้องใช้ไขควงขนาดเล็กถอดฝาปิดเสียก่อน


การทดสอบโดยการรัน OpenGL และเรียกการทำงานแบบ Full load 100% ใช้งานได้ 85 นาที ซึ่งค่อนข้างน่าพอใจ หากใช้งานจริงน่าจะมากกว่านี้ 20 30 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2 3 ชั่วโมง


จากการทดสอบความร้อนขณะทำงานประมวลผลสูงสุด MacBook ค่อนข้างร้อนมาก จนสามารถรู้สึกถึงความร้อนได้บนแป้นคีย์บอร์ด โดยความร้อนสูงถึง 85 C และพัดลมจะเริ่มทำงานค่อนข้างดังจนความร้อนลดลงมาที่ 81 C และคงที่อยู่ประมาณนั้น จัดว่ามีความร้อนสูงเอาเรื่อง เนื่องจากการออกแบบช่องระบายความร้อนแบบแอบๆ อยู่ตรงบานพับนั้นเอง

Conclusion

มาถึงส่วนสุดท้ายกันแล้วนะครับ สำหรับ MacBook 1.83 GHz รุ่นนี้ ต้องขอบอกว่ามีความรู้สึกที่แตกต่างปะปนกันไป ทั้งเรื่องที่ประทับใจ และน่าจะแก้ไข พูดถึงเรื่องที่น่าจะปรับปรุงในโน้ตบุ๊ครุ่นนี้ก่อนดีกว่า เรื่องแรกคือการดูแลรักษา โน้ตบุ๊ตรุ่นนี้ดูแลรักษาค่อนข้างยาก เพราะเป็นสีขาวเปื้อนง่ายมาก และวัสดุที่ใช้เป็นตัวถังก็เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย และเห็นชัดเสียด้วย

กรณีนี้เคยมีลูกค้า Apple บ่นกันมากมาแล้วตั้งแต่ครั้งที่ทำ iPod สีขาวขึ้นมา แล้วเป็นรอยง่ายมาก จนมีสารพัดซองใส่ iPod ออกมาขายป้องกันรอยขีดข่วน จาก iPod ที่สวย พอใส่ซองก็กลายเป็นไม่สวยไปเลย แต่นี่เป็นโน้ตบุ๊คที่ต้องพกพาไปไหนมาไหนบ่อยๆ และมีขนาดใหญ่กว่า การดูแลรักษาจึงยุ่งยากกว่า ไม่มีทางที่ MacBook จะไม่เป็นรอยได้เลย เรื่องต่อไปคือเรื่องความร้อนของ MacBook ที่ค่อนข้างร้อน แม้ว่าความร้อนที่เกิดขึ้น ไม่ส่งผลต่อความเสถียรของโปรแกรมที่ใช้งาน เพราะในระหว่างทดสอบ ไม่มีอาการแฮ้งค์แต่อย่างใด

สำหรับเรื่องที่ประทับใจ MacBook มีหลายเรื่องด้วยกันเรื่องแรกคงจะเป็นซอฟต์แวร์ OS X ที่มีประสิทธิภาพดีมาก ถึงแม้บน Windows XP จะมีผลทดสอบที่อยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมกับโปรแกรมกราฟิก 2D ต่างๆ และบน OS X ประสิทธิภาพการทำงานก็ราบรื่นอย่างมาก สำหรับ MacBook จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่พกพาสะดวกที่สุดรุ่นหนึ่ง ทั้งขนาดและน้ำหนักที่สมดุล อแดปเตอร์ขนาดเล็ก สามารถนำไปใช้งานนอกสถานที่ไดอย่างง่ายดาย

ส่วนคนที่กังวลว่าจะไม่สามารถลง Windows XP ได้อย่างสมบูรณ์นั้น ซอฟต์แวร์ BootCamp Beta 1.1 ปรับปรุงไดร์เวอร์ต่างๆ มาค่อนข้างดีและครบถ้วน และในอนาคตเมื่อ OS X Leopard ออกมา BootCamp จะถูกรวมเข้าไปใน OS X อย่างสมบูรณ์ จากประสบการณ์การใช้งาน Windows XP บน MacBook นับว่าใช้งานได้อย่างสมบรูณ์ครับ

จุดเด่น

+ ดีไซต์เฉียบขาด
+ รูปร่างเล็ก พกพาสะดวก
+ จอภาพสว่าง คมชัด
+ ซอฟต์แวร์ OS X และ iLife น่าใช้งาน
+ สามารถลง 2 OS ได้อย่างง่ายดาย

ข้อสังเกต

- วัสดุเป็นรอยขีดข่วนง่าย ดูแลรักษายาก
- อุณหภูมิขณะใช้งานสูง
- Mini DVI ต้องซื้ออแดปเตอร์เพิ่ม
- USB 2 พอร์ต

สนับสนุนข้อมูลโดย...

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ ของ รีวิว MacBook 1.83GHz

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook