รีวิว Nokia 5320 XpressMusic มิวสิคโฟนชามใหญ่ ใส่ทุกอย่าง

รีวิว Nokia 5320 XpressMusic มิวสิคโฟนชามใหญ่ ใส่ทุกอย่าง

รีวิว Nokia 5320 XpressMusic มิวสิคโฟนชามใหญ่ ใส่ทุกอย่าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
Nokia 5320 พัฒนาต่อมาจาก5310 แต่ราคาเปิดตัวถูกสะใจในราคาไม่ถึงหมื่น ได้ทั้ง Symbian 3G EDGE Bluetooth กล้อง 2 ล้าน พร้อมแฟลช เครื่องเล่นเพลง วิทยุ ฯลฯ ซึ่งหากดูสเปคแล้วจัดได้ว่าเป็นมือถือที่คุ้มสุดจะคุ้มสำหรับคนที่ชอบเล่นอะไรหลายๆ อย่างในเครื่องเดียว แถมโดดเด่นด้วยสีสัน เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบมือถือสไตล์ Sport ลุยๆ คู่ใจสักตัวหนึ่ง เผอิญว่างานนี้ผมไม่ได้มาแค่ Nokia 5320 เท่านั้น ยังได้ลูกเมียน้อยอย่าง Nokia 5220 แถมมาด้วย ฉะนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจที่ผมอาจจะเปรียบเทียบทั้งสองรุ่นไปพร้อมๆ กันโดยขอเรียก Nokia 5320 ว่า ฝ่ายแดงลูกเจ้าแม่หกสิบ(S60) ส่วน Nokia 5220 เรียกว่า ฝ่ายน้ำเงินศิษย์เอสสี่สิบ(S40) เพื่อเพิ่มอรรถรถในการรีวิว เพราะทั้งสองรุ่นต่างกันแค่มวยคนละค่ายเท่านั้นโดยความสามารถถ้าไม่นับเรื่อง 3G แล้ว ถือว่าเป็นมือถือรุ่นที่สู้กันได้สนุกทีเดียว Specifications เริ่มจากอาวุธของทางมุมแดง Nokia 5320 ก่อนดีกว่า เนื่องจากทางมุมแดงเป็นมวยที่ค่อนข้างครบ ฟิตซ้อมมาเป็นอย่างดี ดูเทปคู่ต่อสู้ตลอด จึงมีทุกอย่างที่มือถือในโลกนี้มี ถ้ามี TV Tuner WLANและ GPS ด้วยจะสุดยอดแห่งความครบเลยทีเดียว เสียดายที่ไม่มี สำหรับการดีไซน์ สำหรับการดีไซน์เครื่องนั้น มุมแดงดีไซน์ในสไตล์ผู้ดี เงาวับ ตัดกับสีแรงๆ อย่างสีแดง จึงลงตัวมากๆ มีปุ่มกดต่างๆ อยู่รายรอบให้ได้เรียกใช้งานกันอย่างจุใจ โดยไฟของปุ่มกดจะเป็นสีแดง ธีมมีแดงรับกับตัวเครื่องที่ดุดัน ถ้าติด Logo Ferrari เข้าไปคงกลายเป็นรุ่น Ferrari อย่างแน่นอน ด้านหน้าสำหรับการดีไซน์เครื่องนั้น มุมแดงดีไซน์ในสไตล์ผู้ดี เงาวับ ตัดกับสีแรงๆ อย่างสีแดง จึงลงตัวมากๆ มีปุ่มกดต่างๆ อยู่รายรอบให้ได้เรียกใช้งานกันอย่างจุใจ โดยไฟของปุ่มกดจะเป็นสีแดง ธีมมีแดงรับกับตัวเครื่องที่ดุดัน ถ้าติด Logo Ferrari เข้าไปคงกลายเป็นรุ่น Ferrari อย่างแน่นอน ด้านหลัง ทางด้านหลังจุดเด่นที่สุดก็คือ คำว่า Nokia สีขาวตัดกับพื้นดำอันโดดเด่น ถัดมาเป็นกล้อง 2 ล้าน ที่ไม่มีฝาครอบกันเลนส์ พร้อมไฟแฟลช 2 ดวงอยู่ด้านข้าง ซึ่งแฟลชของรุ่นนี้นั้นหากไม่ลงโปรแกรมเพิ่มก็จะไม่สามารถนำมาใช้เป็นไฟฉายได้ บริเวณด้านบนและด้านล่างนั้นจะทำเป็นปุ่มๆ ไว้เพื่อให้หยิบจับได้สะดวกไม่ลื่นมือมากจนเกินไปนัก ด้านซ้าย ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มมัลติมีเดียแบบ 3 ปุ่ม คือ ปุ่มเดินหน้า ปุ่มเล่นเพลง ปุ่มถอยหลัง ซึ่งค่อนข้างกดได้ง่ายกว่า Nokia 5220 มาก ถัดไปทางด้านล่างจะเป็นช่องสำหรับใส่เมมโมรี่การ์ดเพิ่มเติมได้ สูงสุด 8GB แต่ที่แถมให้มาในกล่องจะให้มา 1GB ด้านขวา ด้านขวาจะประกอบด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงทางด้านบน ส่วนทางด้านล่างจะเป็นปุ่มสำหรับเรียกโปรแกรมถ่ายภาพ และใช้กดลั่นชัตเตอร์ได้ ปุ่มทั้งสองนี้ก็เช่นกัน กดได้อย่างง่ายดายและนุ่มนวลกว่า Nokia 5220 ที่เป็นแบบพลาสติกแข็ง ด้านบน ทางด้านบนของเครื่องนี้ก็จะมีเพียงปุ่มสำหรับเปิด-ปิด เครื่องเท่านั้น ซึ่งทำให้เครื่องค่อนข้างเรียบง่ายและดูดีในสไลต์ Nokia 5300 เดิม ด้านล่าง ส่วนที่จะเห็นชัดๆ ของด้านล่างคือ ช่องสำหรับเชื่อมต่อ USB แบบ MicroUSB ช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟัง และช่องสำหรับต่อที่ชาร์จแบตเตอรี่ โดยถ้าสังเกตดีๆ ก็จะพบปุ่มเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ กันนั่นคือ ไมค์สำหรับมือถือรุ่นนี้ครับ แหมซ่อนตัวได้เนียนทีเดียว การใส่ซิมการ์ด ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดของ Nokia 5320 นั้นทำได้ดีทีเดียวครับ มีช่องล็อคซิมให้ด้วย แต่ถอดเปลี่ยนได้ง่ายดาย การถอดซิมแน่นอนจำเป็นต้องเปิดฝาหลังและถอดซิมออกก่อน สำหรับคนที่มี 2 ซิมเรื่องการเปลี่ยนซิมการ์ดก็จะเป็นเรื่องง่ายดาย การใส่การ์ดหน่วยความจำ ช่องใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ MicroSD นั้นก็เปิดปิดได้ง่าย ถ้าเปิดฝาหลังช่วยด้วยก็จะเปิดได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ตอนดันเมมโมรี่เข้าไปหรือนำออกมาอาจจะยากเล็กน้อยเรื่องจากผู้รีวิวเองเป็นคนที่นิ้วใหญ่พอสมควร ช่องเสียบหูฟัง สำหรับช่องเสียบหูฟังนั้นจะอยู่ทางด้านล่าง ซึ่งก็จะเหมือนกับเครื่องเล่น iPod ซึ่งทำให้สะดวกเวลาหยิบขึ้นมาเปลี่ยนเพลง ที่สำคัญช่องของหูฟังแบบ 3.5mm ผู้อ่านสามารเลือกหูฟังได้หลากหลายมากกว่าที่เป็นแบบ 2.5mm หรือแบบ Pop-port โดยเฉพาะ นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยสีแดงแล้ว มุมแดงยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Symbian ตัวใหม่อย่าง 9.3 ซึ่งมีหน้าตาแปลกไปกว่าสมัยที่ผู้เขียนใช้ Symbian 9.1 ชนิดฟ้ากับเหว ทำให้ต้องลองนั่งๆ กดๆ อยู่นาน แต่โดยรวมถือว่าเมนูต่างๆ นั้นตอนสนองได้ดีและทำให้การตั้งค่าต่างๆ ง่ายขึ้น สำหรับเจ้ามุมแดงสามารถเลือกหน้าจอได้ 4 แบบคือ แบบไม่มีอะไรเลย แบบปุ่มลัดแนวนอน ปุ่มลัดแนวตั้ง และปุ่มลัดในแบบเฉพาะของรุ่น Symbian 9.3 จากนั้นผู้เขียนก็ได้ลองเกี่ยวกับโปรแกรมทางด้านการฟังเพลง ระบบควบคุมเพลงต่างๆ โดยด่านแรกผู้เขียนก็ได้ลองเกี่ยวกับการเล่นเพลง ไหลลื่นไม่มีอาการกระตุกเลย เมนูต่างๆ ไม่มีอาการหน่วงให้เห็นแม้จะทำกิจกรรมอื่นเช่นเล่นเกมไปด้วยก็ตาม EQ ของมุมแดงนั้นสามรถปรับได้มากมายถึง 10 band ซึ่งเทียบเท่า Winamp หรือ Media Player ส่วนคุณภาพเสียงผู้เขียนจะกล่าวในภายหลัง ส่วนสุดท้ายคือ วิทยุแบบทศนิยมสองตำแหน่งทำให้สามารถเลือกคลื่นวิทยุชมชนได้แม่ยำยิ่งขึ้น ต่อมาเป็นเรื่องกล้องและมัลติมีเดีย เรื่องของเมนูต่างๆ ในการถ่ายภาพค่อนเร็วไม่หน่วง สามารถเลือกความสามารถอื่นได้อย่างรวดเร็ว การดูวีดีโอคลิปก็ค่อนข้างลื่น ดู MPG4 ได้โดยไม่มีอาการกระตุกแม้จะเลือก Bit Rate ไว้สูงก็ตาม สุดท้ายก็เรื่องอัดเสียงที่น่าเสียดายยังคงอัดได้ 1 นาทีต่อ คลิปเช่นเดิม อินเทอร์เน็ตและระบบแผนที่ผ่าน GPS สำหรับการเล่นอินเทอร์เน็ตนั้นแม้จะไม่ใช่ Opera Mini แต่ที่ติดเครื่องมาตั้งแต่ต้นก็ทำงานได้เป็นอย่างดี การดูเว็บไซต์ค่อนข้างเร็ว หน้าจอที่เล็กก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค์เท่าใดนักแน่นอนรุ่นนี้ไม่มี GPS แต่ก็สามารถเชื่อมต่อกับ GPS Unit ได้ผ่านทางบลูทูธ เกมล่ะเป็นอย่างไรกันบ้าง เกมล่ะเป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับเครื่องนี้ให้เกมติดเครื่องมาค่อนข้างคุ้ม ไม่ว่าจะเป็น Jelly Chase ซึ่งต้องบังคับตัวการ์ตูนฝ่าด่านต่างๆ จากศัตร หรือจะเป็นเกม Groove Labyrinth 2 ซึ่งเกี่ยวกับการฝึกควบคุมลูกบอล ท้ายสุดสำหรับคอ Guitar Hero เกมท่าแถมมาให้ก็คล้ายๆ กันคือ Guitar Tour บทสุปในด้านต่างๆ บทสุปในด้านต่างๆ ของเจ้ามุมแดงลูกเจ้าแม่หกสิบนั้น ต้องยอมรับว่าการใช้งานทั่วๆ ไป อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีสิ่งจำเป็นพื้นฐานมาให้หมดไม่มีปัญหาใดๆ จากการลองบู๊ใช้งานโทร ฟังเพลง พบว่าแบตเตอรี่ขนาด 890 mAh นั้นอาจจะไม่เพียงพอสำหรับมุมแดงมากนัก เพราะเมื่อใช้หนักๆ ก็จะพบว่าแบตหายไปค่อนข้างเร็ว แต่ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย พกพาสะดวก เสียงเรียกเข้า เสียงสนทนาคมชัด ทำให้หากนำมาใช้งานทั่วๆ ไป ก็น่าประทับใจตามสไตล์ Nokia บททดสอบ บททดสอบในด้านเสียงกันบ้าง ผู้อ่านเห็นภาพอาจจะดูตกใจกับภาพอะไรนั่นอีรุงตุงนัง การทดสอบเรื่องเสียงผู้เขียนจะไม่ใช้หูฟังหลายๆ ตัวแล้ว แต่จะใช้ตัวเดียวนั่นคือ E888 เลย เพื่อดูว่าดีไม่ดีอย่างไร แต่ที่เพิ่มเข้ามาในการทดสอบคือ แอมป์ E3 เพื่อช่วยให้รีดเสียงออกได้มากขึ้นอีก เพราะมือถือมักจะเสียงเบาเป็นทุนเดิม ผลปรากฎว่า มุมแดงนั้นทำเสียงได้ดีระดับหนึ่ง เบสหากไม่ได้รับแอมป์จะออกมากร้านและแข็งๆ เสียงใสไปไม่สุดมาก แต่เสียงร้องอยู่ในขั้นที่ชัดเจนดี แต่หลังจากต่อแอมป์ทุกอย่างก็ดูจะลงตัว ขาดแค่มิติที่อาจจะสู้มุมน้ำเงินอย่าง 5220 ไม่ได้ สรุปคือ เป็นเครื่องเล่นที่ให้เสียงคมชัดแต่ไม่ใสกิ้งนัก แต่เบสที่ได้ค่อนข้างดีหนักและแน่นเชื่อว่าหากจับกับหูฟังเบสดีๆ แรงๆ น่าจะถูกใจ แร็พโยว่ แร็พแหล่ อย่างแน่นอน อะไรของเจ้ามุมแดงก็ดีไปหมด มาเสียอย่างเดียวตรงเรื่องกล้องนี่แหละ ผมคิดว่าให้ภาพออกมายังไงคงไม่ด้อยไปกว่า Nokia 5700 Xpress Music ปรากฏว่า ผ่าง! ตอนโหลดเข้าคอมฯ ผลก็คือกล้องมีน้อยส์เยอะมาก และให้สีสันที่ผิดเพี้ยนมากครับ สู้มุมน้ำเงินอย่าง 5220 ไม่ได้เลย เป็นที่น่าเสียดายยิ่ง แต่ส่วนใหญ่ Music Phone ก็มักจะตายน้ำตื้นเรื่องกล้องนี่แหละ แต่ก็เป็นกล้องที่มีแฟลชมาให้ครับถ่ายภาพมืดสนิทได้ ดีกว่ามุมน้ำเงินถ่ายภาพสวยซะเปล่าดันไม่มีแฟลช ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nokia 5320 โดยสรุปแล้วใครอยากได้มือถือสำหรับฟังเพลง เล่นเกมหนักๆ เอามาเป็นโมเด็มต่ออินเทอร์เน็ต ถ่ายรูปนิดหน่อย รุ่นนี้เหมาะสมกับราคาเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญวัสดุและหน้าตาแบบ Sport หาไม่ได้ในราคาประมาณนี้อย่างแน่นอน จุดเด่น 1. คุ้มค่า คุ้มราคา อ่านสเปคกันเมื่อยทีเดียว 2. หูฟัง 3.5 mm เสียงเบสหนักดี 3. รองรับ 3G ด้วยแหละ 4. มีปุ่มควบคุมเพลงให้แยกต่างหาก 5. CPU เร็วมาก แทบไม่พบอาการหน่วงใดๆ เลย ข้อสังเกต 1. ถ้าเครื่องถูกล็อคจะใช้ปุ่มควบคุมเพลงไม่ได้ 2. กล้องน้อยส์เยอะ 3. เนื่องจากเครื่องเงางาม ทำให้เป็นรอยนิ้วมือง่าย คลิกดูรายละเอียด ของเครื่องรุ่นนี้ได้ที่นี้ที่เดี่ยวนะค่ะ

สนับสนุนข้อมูลโดย...

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ ของ รีวิว Nokia 5320 XpressMusic มิวสิคโฟนชามใหญ่ ใส่ทุกอย่าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook