รีวิวทดสอบแบบเต็มๆกับ Samsung Omnia 2 รุ่นล่าสุด

รีวิวทดสอบแบบเต็มๆกับ Samsung Omnia 2 รุ่นล่าสุด

รีวิวทดสอบแบบเต็มๆกับ Samsung Omnia 2 รุ่นล่าสุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เกือบๆจะหนึ่งปีเต็มแล้วนะครับที่ Samsung หันมาบุกตลาด PDA Phone แบบจริงจังกับเครื่อง PDA Phone รุ่นที่ทำตลาดสร้างชื่อให้กับทาง Samsung มากที่สุดนั่นก็คือ Samsung Omnia ซึ่งทำยอดขายไปชนิดที่ว่าเกินความคาดหมายของทาง Samsung ในปีนี้ Samsung จึงขอลุยตลาด PDA Phone ในแบบ Windows mobile ต่อกับเครื่องรุ่น Samsung Omnia II ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นที่สองต่อจากเครื่องรุ่นแรก ซึ่งแน่นอนว่ามันมีการปรับปรุงพัฒนาหลายๆส่วนที่ดีขึ้น เช่น 1.จอใหญ่ขึ้นเพราะใช้จอแบบ 3.7 นิ้ว WVGA 2.ระบบหน้าจอสัมผัสแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเครื่องทั่วไป จะคล้ายๆกับ iPhone คือใช้นิ้วได้เลยไม่ต้องใช้ Stylus 3.มีระบบอินเตอร์เฟสใหม่ ที่รื้อเอาระบบเดิมๆของ Windows mobile ออกไปเกือบหมด 4.มีรูเสียบหูฟังแบบ 3.5 mm ให้มาในตัว 5.หน้าจอแบบ AMOLED ที่ชัดขึ้นและสว่างสดใสมากกว่าเดิม 6.ความเร็ว CPU สูงมากขึ้นเป็น 800 MHz รูปลักษณ์ภายนอก Samsung Omnia 2 รุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยก็ว่าได้ครับเพราะตัวเครื่องมีการออกแบบใหม่หมด โดยตัวเครื่องยังคงรูปแบบแนวคล้ายๆกับเครื่องสไตล์ Touch Phone โดยมีความโค้งมนมากขึ้นกว่ารุ่นแรกซึ่งออกแบบดูแนวจะมีความเหลี่ยมคมมากกว่า สำหรับตัวเครื่องรุ่นนี้บริเวณด้านหน้านั้นจะลบความเหลี่ยมออกไปเยอะพอสมควร ตั้งแต่เรื่องบริเวณส่วนด้านล่างและขอบด้านบน ตัวเครื่องยังคงเก็บรูปแบบตัวเครื่องที่ทำจากพลาสติกล้วนทั้งตัว แม้แต่บริเวณส่วนขอบด้านข้างที่เป็นสีเหมือนโครเมี่ยมนั้น แท้จริงแล้วก็คือยังเป็นพลาสติกนะครับ เพื่อความเบาในการพกพา ซึ่งจะแตกต่างกับ iPhone ที่จะเป็นเนื้อเหล็กสีโครเมี่ยมจริงๆ ปุ่มต่างๆถูกลดทอนลงไป เหลือเพียงปุ่มที่จำเป็นต่อการทำงานด้านหน้าไว้เท่านั้น สำหรับเรื่องการออกแบบและวัสดุผมว่าเค้าเลือกใช้วัสดุเกรดที่ค่อนข้างสูงทีเดียว ส่วนเรื่องการออกแบบนั้นความสวยงามก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล บางคนว่าสวยแต่บางคนอาจจะมองว่ามันธรรมดา การออกแบบเครื่อง Samsung Omnia 2 รุ่นใหม่นี้ในสายตาผมเองผมมองว่ามันไม่ได้ดูสะดุดตาเท่าที่ควร หากถามว่าสวยไหมมันก็สวยอยู่นะครับเพียงแต่ไม่ถึงกับแตกต่างชวนน่าสนใจหรือสงสัยว่ามันเครื่องอะไรกันนี่ ยุคนี้โทรศัพท์แบบ Touch Phone มักมีหน้าตาไปแนวๆนี้กันหมดแล้ว ผมลองพลิกเครื่องมาดูบริเวณด้านข้างกันบ้าง เครื่องรุ่นนี้ในส่วนบริเวณด้านข้างนั้นจะมีปุ่มสำหรับการทำงานทางด้านขวามือของตัวเครื่องอยู่ 3ปุ่มหลักๆ ด้านบนสุดก็คือปุ่มสำหรับการเปิดปิดหน้าจอ และหากกดปุ่มนี้ค้างไว้จะเข้าสู่โหมดการ Lock Screen หน้าจอ ถัดมาปุ่มบริเวณตรงด้านล่างอันแรกนั้นก็คือปุ่ม สลับเปลี่ยนการทำงานระหว่างโปรแกรม เช่นหากเราเลือกทำงานอยู่หลายๆโปรแกรมในเวลาเดียวกัน เราก็สามารถกดปุ่มนี้เพื่อเข้าสู่โหมดเมนูคำสั่งโปรแกรม Task Switcher ได้แบบง่ายๆ ส่วนปุ่มล่างสุดนั่นก็คือปุ่มกล้องดิจิตอลนั่นเอง เราลองมาดูทางซ้ายมือตัวเครื่องบ้างครับ ทางด้านซ้ายมือตัวเครื่องจะมีเพียงปุ่มปรับระดับเสียงความดังตัวเครื่องเท่านั้น เป็นปุ่มแบบนูนออกจากตัวเครื่องกดใช้งานได้สะดวกดีมากครับ ส่วนด้านบนตัวเครื่องจะเป็นช่องเสียบสาย Sync/ Charge ของตัวเครื่องและรูสำหรับเสียบหูฟังแบบ 3.5 mm ที่ยุคนนี้เครื่อง PDA Phone รุ่นใหม่ๆมักจะมีรูหูฟังแบบ 3.5 mm ให้มาเกือบทุกรุ่น ปุ่มด้านหน้าตัวเครื่องรุ่นนี้จะมีปุ่มการทำงานเพียง 3 ปุ่มหลักเท่านั้น โดยปุ่มวางสายจะทำหน้าที่เป็นปุ่มเปิดปิดตัวเครื่องไปในตัว สำหรับปุ่ม D PAD แบบ 5 ?ศทางรุ่นนี้จะไม่มีนะครับและปุ่มตรงกลางนี้จะถูกใช้เป็นปุ่มสำหรับการเรียกเมนู ของระบบอินเตอร์เฟสใหม่ของทาง Samsung เค้าซึ่งผมจะขอเล่าในช่วงท้ายให้ฟังก็แล้วกัน บริเวณแผ่นหลังตัวเครื่องเป็นพลาสติกสีดำอมน้ำตาลแบบเงาๆ ซึ่งจับแล้วจะเป็นรอยนิ้วมือติดบ้างเหมือนกัน เปิดชมฝาหลังกันหน่อยครับ ฝาหลังรุ่นนี้แกะค่อนข้างยากเพราะไม่ได้ใช้แบบ สไลด์ แต่เป็นการถอดแงะเปิดกันตรงๆ โดยขณะที่เปิดฝาหลังออกมาแล้วเราจะพบแบตเตอรี่และช่องใส่ Sim รวมถึงช่องเสียบ Memory Card แบบ MicroSD อยู่ใต้ฝาหลังนี้ ช่องใส่ SIM ต้องถอดแบเตอรี่ออกก่อน แต่ว่าช่องเสียบ Memory Card สามารถใส่ได้เลยโดยไม่ต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อน ช่องลำโพงด้านหลังซึ่งถูกซ่อนเอาไว้ แต่ไม่ต้องกลัวว่าเสียงจะไม่ออกหรือไม่ดังนะครับเพราะว่า ในส่วนฝาหลังเค้าจะเว้นช่องเอาไว้สำหรับให้เสียงลำโพงรอดออกมา สำหรับการทดสอบเรื่องคุณภาพเสียงเรียกเข้าและเสียงเตือนต่างๆ ลำโพงเครื่องรุ่นนี้ให้เสียงดังกังวาลและใสมากทีเดียว สอบผ่านฉลุยเลยครับ ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ในเครื่องรุ่นนี้ยังคงให้มาในแบบ มาตรฐาน ที่ความจุ 1440 mAh ซึ่งหากนับกันในยุคสมัยนี้ก็ถือว่ามากพอแล้วแต่หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนอย่างน้อยต้อง 1600 mAh ขึ้นไป สำหรับสิ่งที่ผมกังวลในช่วงแรกก็คือ ประสิทธิภาพแบเตอรี่ในเครื่องรุ่นนี้มันจะเพียงพอกับการทำงานหรือไม่ เพราะว่าเครื่องรุ่นนี้หน้าจอมันใหญ่ถึง 3.7 นิ้วและเป็นหน้าจอแบบ WVGA อีกด้วย แต่ก็โชคดีที่ทาง Samsung เลือกใช้หน้าจอแบบ AMOLED ซึ่งเป็นหน้าจอแบบใหม่ที่ช่วยเรื่องประหยัดไฟแม้ว่าจะมีหน้าจอที่สว่างก็ตาม จากการทดสอบใช้งานผมเอง หากไม่นับเรื่องการใช้งานด้าน GPS เท่าที่ผมทดสอบดู เครื่อง Samsung Omnia 2 รุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานถึง 2 วันเต็มต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งการทดสอบของผมนั้นก็คือการใช้งานปกติทั่วๆไป ทั้งด้านโทรศัพท์ และด้านความบันเทิงบ้างนิดหน่อย ฟังเพลงสักสามสี่เพลงต่อวัน มีเล่นเกมส์บ้างเล็กน้อย ส่วนการใช้งานโทรศัพท์ก็ใช้กันตลอดทั้งวัน โดยรวมแล้วผมมองว่า Samsung Omnia 2 รุ่นนี้ถือว่าเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพเรื่องการประหยัดไฟใช้ได้ดีทีเดียว ลองพลิกหลังเครื่องด้านในดู เครื่องรุ่นนี้ทำในเกาหลีนะครับปกติยุคนนี้ส่วนมากจะเจอแต่ทำในเมืองจีนเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ iPhone ที่ว่าดังๆก็ยังต้องฝีมือพี่จีนเองครับ เทียบขนาด ภาพเปรียบเทียบระหว่างเครื่อง Samsung Omnia รุ่นแรกกับ Samsung Omnia 2 ซึ่งหากดูกันแบบตัวต่อตัวแล้ว ผมว่าขนาดเครื่องไม่แตกต่างกันมากเท่าไร แม้ Samsung Omnia 2 จะมีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 3.7 นิ้วก็ตาม แต่มันพยายามลดพื้นที่ด้านขอบล่างและขอบข้างออกไปเพื่อชยายพื้นที่จอให้เต็ม มากกว่าที่จะขยายตัวเครื่องออกไป ซึ่งจากการใช้งานผมพบว่าขนาดเครื่อง Samsung Omnia 2 ตัวใหม่นี้ไม่ได้สร้างความอึดอัดเรื่องขนาดมากขึ้นกว่ารุ่นเก่าสักเท่าไรเลย เทียบขนาดเมื่อพลิกแผ่นหลัง รุ่น Samsung Omnia 2 จะมีขนาดเครื่องยาวมากขึ้นเล็กน้อย แต่ความหนายังมีขนาดพอๆกันอยู่ครับ สุดยอดหน้าจอ Samsung Omnia 2 สิ่งที่ผมมองว่าเป็นไม้เด็ดของเครื่องรุ่นนี้ก็คือ Samsung Omnia 2 เลือกใช้หน้าจอแบบ AMOLED หน้าจอ AMOLED ดีอย่างไร? มีความเร็วในการตอบสนองการทำงาน มากกว่าจอแสดงผลแบบ TFT LCD ถึง 1000 เท่า AMOLED - มีหน้าจอคล้ายๆแผ่นพลาสติกที่สามารถยืดหยุ่นและงอได้ - โอกาสแตกหรือเสียหายน้อยกว่า - ใช้พลังงานต่ำกว่าจอทั่วไป และมีราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าเมือ่เทียบกับหน้าจอ LCD ทั่วไป - ด้วยคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นได้ดีกว่า จึงทำให้หน้าจอลักษณะนี้มีโอกาสเสียหายน้อยกว่าในการใช้งาน และเคลื่อนย้าย สำหรับข้อเสียของหน้าจอในลักษณะนี้ก็คือ การแสดงผลในที่แสงสว่างมากหรือกลางแจ้งจะทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จากการทดสอบผมลองนำเครื่อง Samsung Omnia 2 ลองไปยืนใช้งานกลางแจ้งดูพบว่า หน้าจอแทบจะมองไม่รู้เรื่องเลยครับ แต่หากอยู่ในที่ร่มกลับให้ประสิทธิภาพหน้าจอที่ชัดเจนมาก ระบบสัมผัสหน้าจอเครื่อง Samsung Omnia 2 ต้องยกนิ้วให้สองมือเลยครับ เพราะว่าระบบสัมผัสหน้าจอ หรือเราเรียกกันว่าระบบทัชสกรีนรุ่นนี้จะเป็นแบบใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในเครื่องแบบ Windows Mobile ในท้องตลาดเรียกได้ว่า Samsung Omnia 2 เป็นเครื่องรุ่นแรกที่ใช้ระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Capacitive touchscreen ซึ่งเป็นระบบทัชสกรีนแบบใหม่ที่ไวต่อการทำงานของนิ้วมือมาก ซึ่งจะสังเกตได้เลยครับว่า Samsung Omnia 2 รุ่นนี้จะไม่มี Stylus ให้มา เพราะเค้าให้เราใช้นิ้วทำงานเป็นหลัก โดยทาง Samsung เองพยายามให้ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วควบคุมการทำงานเครื่องได้แบบเต็มที่มากขึ้น โดยปรับอินเตอร์เฟสที่เป็น Default ของ Windows Mobile เกือบหมดให้สามารถใช้นิ้วควบคุมได้ ปัญหาเก่าๆที่คาราคาซังมานานสำหรับเครื่อง PDA Phone ในแบบ Windows Mobile ที่พยายามจะทำให้ตนเองสามารถใช้นิ้วควบคุมการทำงานได้ก็คือ 1.ไม่สามารถใช้นิ้วสั่งการได้ทันใจและแม่นยำเหมือนกับหน้าจอ iPhone ที่ออกแบบมาให้ใช้นิ้วโดยเฉพาะ 2. Windows Mobile เป็นระบบที่ออกแบบมาไม่ได้เพื่อการใช้นิ้ว แต่เป็น Stylus 3. อินเตอร์เฟสแบบ Touch ที่หลายๆยี่ห้อนำมาใส่ในเครื่องส่วนมากแค่มาครอบด้านหน้าเท่านั้น ในส่วนลึกๆโปรแกรมยังเป็น Default ของ Windows mobile อยู่ สำหรับการใช้งานบนหน้าจอของ Samsung Omnia 2 รุ่นนี้เปลี่ยนใหม่หมด สามารถใช้นิ้วควบคุมได้แม่นยำ มากขึ้นหลายเท่าตัว แม่นพอๆกับเครื่อง iPhone เลยครับ แต่ที่เหนือกว่า iPhone ก็ตรงที่สามารถใช้นิ้วหรือ Stylus สั่งงานได้ แต่ iPhone ต้องใช้นิ้วเท่านั้น พอมีหน้าจอแบบใหม่นี้เกิดขึ้นมาแล้วทำให้การใช้งานมันคล่องตัวมากขึ้นผิดกันชนิดที่ว่าหนังคนละม้วนเลยครับ เรื่องหน้าจอรูปแบบนี้ผมคิดมานานแล้วว่าเมื่อไรจะมีสักที แต่ก็มาเกิดขึ้นใน Samsung Omnia 2 รุ่นนี้เป็นรุ่นแรก และผมเชื่อว่าอีกหน่อยเครื่องรุ่นหลังๆของแทบทุกยี่ห้อก็น่าจะต้องเลือกใช้ระบบหน้าจอสัมผัสแบบนี้เช่นกัน โดยเฉพาะใน Windows Mobile 6.5 ในอนาคตจะเหมาะกับหน้าจอสัมผัสรูปแบบนี้มากที่สุดเลย ระบบโทรศัพท์ สำหรับเรื่องระบบโทรศัพท์ในเครื่องรุ่นนี้เท่าที่ใช้งานมาก็ไม่พบปัยหาในด้านคุณภาพแต่อย่างใด เสียงเรียกเข้า และเสียงสนทนาทำได้ชัดเจนใสปิ๊งดีครับ และด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้เราสามารถใช้งานแป้น Keypad ได้สะดวกมากขึ้นและแม่นยำมากขึ้นด้วย เพราะหน้าจอรุ่นนี้อย่างที่บอกไปครับว่ามันไวต่อการสัมผัสและตอบสนองดีมาก อินเตอร์เฟสในโปรแกรม Phone ตัวเครื่องถูกเปลี่ยนใหม่หมดแทบไม่เหลือความเป็น Windows mobile 6.1 เหลืออยู่เลย Accelerometer? อีกหนึ่งลูกเล่นของหน้าจอรุ่นนี้ก็คือเรื่องระบบกลับหน้าจออัตโนมัติด้วย Accelerometer sensor ซึ่งจะเหมือนกับเครื่อง iPhone ที่พอพลิกหน้าจอแล้วมันจะกลับหน้าจอให้อัตโนมัติ ซึ่งเรื่องนี้จริงๆไม่ใช่เรื่องแปลกของเครื่องยุคนี้ แต่ทว่าในเครื่อง Omnia 2 รุ่นใหม่นี้ ระบบ Accelerometer sensor มีการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาก หากเทียบกันแล้วใน Omnia รุ่นแรกการกลับหน้าจอผมว่ามันยังไม่แม่นเท่าไรนัก บางทีเอียงนิดหน่อยก็กลับเองแล้ว และหากตั้งให้ sensor มันไวน้อยลงก็กลับได้ไม่ค่อยทันใจ แต่สำหรับ Omnia 2 รุ่นนี้แม่นมากขึ้นครับ เช่นในโปรแกรมภาพถ่าย หากจะเปลี่ยนไปดูภาพอื่น นอกจากเราจะสามารถใช้นิ้วเลื่อนตวัดหน้าจอไปภาพถัดไปได้แล้ว เรายังใช้ความสามารถความแม่นยำของ Accelerometer ในการเลื่อนภาพถ่ายได้ โดยเอียงตัวเครื่องสัก 45 องศา ภาพจะค่อยๆไหลเลื่อนไปเอง คล้ายๆกับการเทน้ำลงในแก้วน้ำ ความไวของ Accelerometer สามารถตั้งได้ครับ โดยรวมๆแล้วผมว่าระบบ Accelerometer รุ่นใหม่นี้ดีกว่ารุ่นเก่าชนิดผิดหูผิดตาทีเดียว ประสิทธิภาพ การทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ Omnia 2 ผมถือว่ามันเป็นเครื่องที่ทำงานได้ค่อนข้างเร็วทันใจดีครับ ด้วยพลัง CPU ที่ความเร็ว 800 MHz ถือว่าเครื่องรุ่นนี้ทำงานได้ไม่อืด มาพร้อมกับ ROM ขนาด 512 MB และ RAM อีกเหลือเฟือที่ 256 MB ซึ่งหากทำงานโดยพื้นฐานทั่วๆไปถือว่าเครื่องรุ่นนี้ทำงานรีดพลังได้ประสิทธิภาพที่สูงดีครับ การทำงานด้วยโปรแกรมที่กิน CPU และทรัพยากรเยอะ เท่าที่ผมทดสอบกับเกมส์หลายๆตัวที่กราฟฟิคโหด เครื่องรุ่นนี้ก็ยังทำงานได้สบายมาก แต่การหาโปรแกรมรองรับหน้าจอในรูปแบบนี้ อาจจะต้องเลือกกันสักหน่อย แต่ในยุคนี้ก็ถือว่าหาไม่ค่อยยากเหมือนเมื่อก่อน หน่วยความจำเครื่อง 512 MB แต่ยังมี Memory ในส่วน my Storage ในเครื่องให้มาอีกประมาณเกือบ 8 MB และยังสามารถเพิ่มเติมได้ด้วย Memory Card ที่รองรับความจุสูง การประมวลผลการทำงานตัวเครื่องรุ่นนี้แม้ว่าจะใช้ CPU ความเร็วถึง 800 MHz แล้วก็ตามแต่เรื่องการทำงานด้านกราฟฟิค ทาง Samsung ยังแยกชิพประมวลผลแยกอกมาต่างหากอีกหนึ่งตัวทำให้มันสามารถประมวลผลได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราสามารถเข้าไปในส่วน Setting ของระบบเพื่อดูข้อมูล Memory ในส่วนต่างๆได้ครับ ในส่วนของ Ram จะมีบอกรายละเอียดมากขึ้นว่าโปรแกรมไหนกิน Ram เครื่องเราไปเท่าไร และสามารถเลือกปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ระบบการชื่อมต่อต่างๆ เรื่องระบบการเชื่อมต่อต่างๆในเครื่องรุ่นนี้จะรองรับระบบการเชื่อมต่อที่ครบครันโดยรองรับทั้ง WiFi / Bluetooth และการเชื่อมต่อแบบ Tv out ภายนอกโดยจะต้องซื้อสายต่อเพิ่มต่างหาก และยังมี FM radio ในตัวให้มาอีกด้วย เครื่องรุ่นนี้มีลูกเล่นพิเศษอีกจุดหนึ่งถือว่าเป็นรุ่น 2 ของโรงงาน Samsung เลยก็ว่าได้กับ PDA Phone ที่มีวิทยุ FM ในตัวเป็นโปรแกรมที่แถมพิเศษให้มาในเครื่องรุ่นนี้ แต่ต้องอาศัยการเสียบสายหูฟังก่อนจึงจะเล่นได้ ส่วนเรื่อง GPS ในเครื่องรุ่นนี้ผมเองยังไม่มีโอกาสทดสอบ แม้ว่าเครื่องรุ่นนี้จะมี GPS ในตัวแต่ว่าในเครื่องตัวทดสอบนี้เค้าไมได้ให้โปรแกรมมา เลยไม่ได้ทดสอบตรงจุดนี้นะครับ สิ่งที่ผิดแปลกจากที่เคยในเรื่องการเชื่อมต่อก็คือช่องเสียบ Mini USB แบบใหม่ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆที่เป็นตัว Connector เฉพาะของทาง Samsung เองทำให้สะดวกในการหาอุปกรณ์ง่ายขึ้นมาอีกนิด อินเตอร์เฟสใหม่? อย่างที่เล่าให้ฟังในช่วงแรกไปแล้วครับว่า Samsung วางคอนเซ็ปเครื่อง Omnia 2 ใหม่หมดโดยเน้นเป็นเครื่อง PDA Phone ในแบบ Windows mobiel ที่ใช้ระบบ Touch Screen ด้วยนิ้วแบบเต็มรูปแบบ ที่ไม่ต้องใช้ Stylus กันเลย ดังนั้นทาง Samsung จึงออกแบบอินเตอร์เฟสใหม่ที่เรียกว่า Touch Wiz UI ในเวอร์ชั่นใหม่ซึ่งจะประกอบด้วย สามส่วนการใช้งานคือ 1.ในส่วนของ WidGet ที่จะมาแทนหน้าจอ Today Screen ตามปกติ ซึ่งมี Widget ให้เลือกมากขึ้นกว่าก่อน สามารถใช้นิ้วสั่งงานได้ทันที มีหน้าจอให้ 3 หน้าจอ 2. ในส่วน Main Menu แบบใหม่ 3. ในส่วน Cube Menu ในภาพบนนี้คือหน้าจอของ Main menu แบบใหม่ ซึ่งเราสามารถเลือกเปิดใช้ได้จาก setting ของเครื่อง โดยหน้าจอเมนูนี้จะมาแทนเมนู Start>> program แบบใน Windows mobile ทั่วไป เมื่อเปิดใช้หน้าจอ Main Menu แบบนี้แล้วทุกครั้งที่เรากดปุ่ม กลางด้านหน้าก็จะเป็นการเรียกใช้งาน Mian menu แบบใหม่นี้ ซึ่งมีหลากหลายหน้าจอให้เลือก มารุปแบบเดียวกับ icon บน iPhone ที่เราสามารถสลับเลื่อนหน้าจอได้หลายๆหน้าจอ ในภาพแรกนี้เป็นหน้าจอของ Productivity หรือฟังค์ชั่นหลักในการทำงานนั่นเอง หน้าจอถัดมาเป็นระบบ Multi Media ของเครื่องจะสังเกตได้ว่า แถบเมนุด้านล่างยังสามารถปรับแต่ง เพื่อเลือกเข้าสู่หน้าจอแบบ Cube ได้อีกต่างหาก หน้าจอ Office ของเครื่องโดยรูปแบบ หน้าจอของ Main menu ใหม่ของเครื่องนี้มีให้เลือกใช้ถึง 4 หน้าจอด้วยกัน ซึ่งจะประกอบด้วยหน้าจอ 1. Productivity 2.Multimedia 3.Internet 4.Office 5.Other เป็นเมนูเลือกโปรแกรมอื่นๆที่เราเสริมเข้ามา ในกรณีที่ต้องการปรับรูปแบบการใช้งาน Main menu แบบใหม่อีกรูปแบบเราก็สามารถทำได้โดยเข้าในโหมดของ Cube ซึ่งจะเป็นกล่องลูกเต๋าเพื่อเลือกการใช้งานได้มากขึ้น สามารถเลือกชมรูปภาพต่างๆในเครื่องได้ ในภาพนี้เป็นเกมส์ครับ เกมส์ใหม่สนุกดี ไฮโล ยุคดิจิตอล เป็นเกมส์ทอยลูกเต๋าแบบ ไฮโล โดยใช้การเย่าตัวเครื่องแทน พอเขย่าแล้วลูกเต๋าก็จะหมุนตามความแรงของมือเรา เจ้ามือยุคดิจิตอลต้องใช้แบบนี้กันแล้ว! แต่ยังไงก็ไม่ขอสนับสนุนเรื่องการพนันนะครับ การ input หน้าจอแบบใหม่ ลองดูจากเครื่องทั่วไปก็ได้ มันจะแตกต่าง โดยปกติหากเป็นเครื่อง PDA phone ในแบบ Windows Mobile ทั่วๆไป พอเลือกแตะที่ตัวอักษรปุ๊บ มันจะเป็นการ input ข้อมูลทันที แต่หน้าจอแบบใหม่นี้เมื่อแตะแล้วโปรแกรมมันยังไม่สั่ง input จนกว่าเราจะยกนิ้วออก เพื่อลดแรงกดจะเป็นการสั่ง input ข้อมูล ซึ่งขณะที่เรากดหากดผิดแป้นตัวอักษร เรายังสามารถใช้นิ้วเลื่อนไปตัวอักษรอื่นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากหน้าจอสัมผะสในเครื่องรุ่นทั่วๆไป ผมเองต้องขอบอกก่อนครับว่าไม่สามารถนำภาพโปรแกรมทุกโปรแกรมในเครื่องมาให้ชมกันได้ เพราะเยอะมาก เนื่อจาก Samsung Omnia 2 มีการแก้ อินเตอร์เฟสหลักของ Windows mobile เกือยหมด เมื่อเราเปิดเรียกการใช้งานแบบอินเตอร์เฟส Touch Wiz UI โปรแกรมจะทำการทับการทำงานต่างๆของ Default เครื่องทันที ดังนั้นเมนูและโปรแกรมต่างๆจะมีหน้าตาที่สวยและผิดแตกต่างจากปกติ อย่างในภาพด้านบนก็คือโปรแกรม Calendar ของเครื่องที่มีหน้าตาทันสมัยมากขึ้น การนัดหมายในโปรแกรม Calendar ทำได้ง่ายขึ้น เรื่องของกล้อง กล้องในเครื่องรุ่นนี้จะมีความละเอียดเท่ากับกล้องรุ่นก่อนคือ 5 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Auto Focus ในตัว สามารถถ่ายภาพได้ทั้งในโหมดภาพนิ่งและ VDO แต่สิ่งที่แตกต่างมากขึ้นกว่าก่อนก็คือ ไฟแฟลช ในเครื่องรุ่นนี้จะใช้แบบ Dual Flash สามารถถ่ายภาพในที่มืดได้ดีขึ้น ไฟแฟลชจะสว่างมากขึ้น เรื่องของกล้องในเครื่องรุ่นนี้ผมยังไม่พบความแตกต่างมากจากกล้องรุ่นก่อนหน้าเท่าไรนัก เมนูอินเตอร์เฟสการทำงานก็ค่อนข้างจะคล้ายๆกัน โดยส่วนตัวแล้วผมว่าคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ว่าไม่แตกต่างจากกล้องในรุ่น Omnia ตัวแรกเท่าไรนัก ลองไปดูภาพถ่ายกันดีกว่าครับ โปรแกรมต่างๆที่ให้มา เครื่องรุ่นนี้นอกจากจะเน้นเรื่องของการปรับแต่งอินเตอร์เฟสที่มากกว่าปกติแล้ว เรื่องโปรแกรมการทำงานต่างๆก็ให้มาค่อนข้างเยอะครับ ลองดูจากในภาพด้านบนนะครับ โปรแกรมตัวหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบมากก็คือ Midomi เป็นโปรแกรมที่แปลกและทำให้ผมสนุกกับการเล่นมันค่อนข้างมาก โปรแกรมนี้จะช่วยให้เราหาเพลงโปรดได้อย่างง่ายๆ เช่นผมต้องการหาเพลง Heal the World ของ ไมเคิล แจ๊คสัน หากผมไม่ทราบชื่อเพลงก็แค่กดปุ่มอัดเสียง แล้วลองเนื้อเพลงท่อนใดท่อนหนึ่งลงในโปรแกรมนี้ หรือหากร้องไม่ได้ก็แค่ทำเสียง ฮัมทำนองเพลงก็ได้เช่นกัน แต่ผมลองกับเพลงไทยแล้วไม่ได้ผล ต้องเชื่อมต่อผ่าน GPRS นะครับเพราะมันต้องทำการค้นหาเปรียบเทียบเสียงเรากับเพลงใน Database ของระบบ เจอแล้วครับ แม่นมาก มีรายละเอียดเพลงให้ครบ พร้อมสั่งซื้อหรือลองฟังก่อนก็ได้ แม้จะร้องไม่ถูกต้องนัก หรือสำเนียงไม่ต้องฝรั่งจ๋า เราก็สามารถหากเพลงโปรดได้ง่ายๆครับ ในภาพบนเป็นโปรแกรม Clock ในรูปแบบของ Samsung เอง สรุปการใช้งาน หลังจากได้ลองทดสอบใช้งาน Samsung Omnia 2 มาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆเครื่องรุ่นนี้ผมสรุปให้เลยว่าน่าใช้ครับ แต่ไม่โดดเด่น หากใครใช้ Omnia รุ่นแรกอยู่แล้วอาจจะไม่ค่อยเจอความแปลกใหม่เท่าไรนัก แต่หากใครต้องการเครื่องที่ใช้งานสะดวกลูกเล่นครบๆประสิทธิภาพดีๆ Omnia 2 เป็นคำตอบที่น่าสนใจ เท่าที่ผมทดสอบมา ผมประทับใจมากถึงมากที่สุดก็คือเรื่องของหน้าจอระบบสัมผัสแบบใหม่ ที่ใช้งานได้สะดวกและแม่นยำกว่าเดิม แม้ว่าจะไม่มี Stylus ให้มาก็ตาม ผมถือว่า Samsung กล้ามากที่ไม่ให้ Stylus มาเลย เพราะเค้าแน่ใจแล้วว่าใช้นิ้วก็ทำงานได้ง่ายเช่นกันซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เรื่องการแสดงผลหน้าจอของ Amoled ผมถือว่ามันชัดเจนดี แต่ออกกลางแดก็จบข่าวเหมือนกัน ความชัดเจนของหน้าจอแบบ WVGA เป็นส่วนเสริมที่ขาดไปในเครื่อง Omnia รุ่นแรก ซึ่งผมถือว่าไม่ได้โดเด่นอะไรมากนักเพราะว่า ปัจจุบันเครื่องหลายๆรุ่นในตลาดเวลานี้ก็หน้าจอแบบ WVGA กันเยอะแล้ว แต่เรื่องระบบสัมผัสหน้าจอแบบใหม่นี่สิครับ โดนใจผมมากจริงๆ และการปรับอินเตอร์เฟสใหม่หมดยกรังของ Omnia 2 ผมว่าเค้าทำสำเร็จ เพราะมันทำให้เครื่องใช้งานได้ดีมากขึ้น แม้ว่าจะเป็น Windows mobile 6.1 ก็ตาม ส่วน 6.5 นั้นเห็นว่าเครื่องรุ่นนี้สามารถอัพเกรดได้ในอนาคตครับ ประสิทธิภาพการทำงานความไวของ CPU ก็ตอบสนองการทำงานได้เร็วดีครับ โดยรวมๆผมชอบนะครับ แต่หากมีลูกเล่นที่พิสดารกว่านี้ คงจะทำให้มันน่าสนใจมากขึ้น เพราะ Omnia แรกที่แจ้งเกิดได้ง่ายก็เพราะว่าในเวลานั้น ไม่มีเครื่องรุ่นใดที่มีลูกเล่นโดนเด่นเท่ากับ Omnia แต่ในรุ่นที่ 2 นี้ ในเวลานี้ในตลาดมีลูกเล่นเครื่องคล้ายๆกันเยอะ ส่วนที่ Omnia 2 จะได้เปรียบก็คือเรื่องระบบหน้าจอสัมผัสแบบใหม่กับอินเตอร์เฟสที่น่าใช้ ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก...

อัลบั้มภาพ 62 ภาพ

อัลบั้มภาพ 62 ภาพ ของ รีวิวทดสอบแบบเต็มๆกับ Samsung Omnia 2 รุ่นล่าสุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook