รีวิวฉบับสมบูรณ์ของ Samsung i900 Omnia ที่กำลังจะออกขาย

รีวิวฉบับสมบูรณ์ของ Samsung i900 Omnia ที่กำลังจะออกขาย

รีวิวฉบับสมบูรณ์ของ Samsung i900 Omnia ที่กำลังจะออกขาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มาสักทีสำหรับ Review เครื่อง PDA Phone ของ Samsung รุ่น i900 ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า Omnia ( ออมเนีย ) นั่นเอง มันแปลว่า มีทุกสิ่งทุกอย่างอะไรประมาณนั้นหละครับ สำหรับในบทความรีวิวครั้งนี้จะค่อนข้างยาวสักหน่อยนะครับ เพราะว่ามันมีเนื้อหาเยอะจริงๆ ผมเองก็พยายามลดทอนลงมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะตัดยังไงเพราะเรื่องของ ออมเนีย นั้นมันเยอะจริงๆๆ มีทุกอย่างที่อยากให้ชมกันแบบเต็มๆ ในบทความนี้เลยอ่านกันเยอะหน่อยก็แล้วกัน สำหรับเครื่องของผมตัวนี้อาจจะต่างจากเครื่องที่ออกขายในเมืองไทย เพราะเครื่องตัวนี้ผมหิ้วมาจากสิงคโปร์ ก่อนที่เครื่องในเมืองไทยจะออกขาย เลยซื้อแบบ 16 GB มาในราคาประมาณ 27,500 บาท ดังนั้นในบทความนี้ผมขออ้างอิงเครื่องรุ่นผมก็แล้วกัน แต่มันจะต่างจากเครื่องในเมืองไทยไม่มาก ผมขอเริ่มจากจุดเด่นน่าสนใจของเครื่องรุ่นนี้ก่อนก็แล้วกัน 1.ตัวเครื่องออกแบบได้สวยมาก คล้ายๆกับ iPhone เลยครับ 2.CPU แรงดีไม่มีตกด้วยความเร็ว 624 MHz Marvell PXA312 3. RAM 128 MB 4. Storage ภายในเครื่อง 16 GB ( เครื่องในเมืองไทย 8 GB ) 5. หน้าจอแบบยาว 3.2 นิ้ว 240*400 พิกเซล 6. มี GPS ในตัวในแบบ A-GPS 7. มี FM radio 8. สามารถต่อ TV Out ได้ 9. แบตเตอรี่ค่อนข้างทน 10. หมุนหน้าจอแนวนอน หรือแนวตั้งได้เองเพราะมี sensor ภายในและสามารถหมุนได้แทบหมดทุกโปรแกรมในเครื่อง 11. ตั้งความไวตัว Sensor และระบบสั่นเวลากดปุ่มได้ 12. มีโปรแกรมที่เป็นเอกลักษณ์ให้มาเพียบ 13. สามารถต่อหูฟัง 3.5 mm ได้ 14. มีอินเตอร์เฟสหน้าจอ Today Screen หลายแบบ 15. มี Touch Wiz UI 16. กล้อง 5 ล้านพิกเซล พร้อม ออโต้โฟกัส มาดูจุดที่ผมไม่ชอบบ้างดีกว่า 1.ไม่มีช่องเก็บ Stylus 2.การกลับหน้าจอตัว Sensor ไวไปหน่อย 3.ปุ่ม เปิดปิดการทำงาน กดไม่ค่อยสะดวก 4. หน้าจอไม่มาตราฐาน มีผลกับบางโปรแกรม 5. เมนูโปรแกรมพยายามทำให้สามารถใช้นิ้วกดได้ แต่เอาเข้าจริงลำบากกว่าใช้ Stylus 6. ช่องเสียบ Connector ไม่มาตราฐาน 7. ช่องเก็บ Card อยู่ภายในต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อน 8. ไม่มีคู่มือ มาให้ และไฟล์คู่มือที่ Download มาเองก็ไม่ค่อยละเอียดเท่าที่ควร มาเริ่มดูภายนอกตัวเครื่องกันก่อนเลย ปีนี้ผมต้องยอมรับว่า Samsung มาแรงจริงๆสำหรับการออกเครื่องรุ่นนี้เพราะในต่างประเทศเครื่องรุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นเครื่องยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะว่ามันมีทุกอย่างแทบจะครบถ้วนที่หลายๆคนอยากได้ ในราคาที่ไม่โหดร้ายจนเกินไปนัก สำหรับการแกะกล่องของผมเครื่องรุ่นนี้มันจะมีอุปกรณ์ให้มาพอสมควร โดยอุปกรณ์ที่ให้มาก็คือ 1.ตัวเครื่อง 2. สาย Sync และหม้อแปลง 3. หุฟังแบบ รีโมท สามารถใช้หูฟังอื่นในขนาด 3.5 mm มาต่อเพิ่มได้ 4. Memory Card 5. CD โปรแกรม 6. Stylus แบบสายห้อย สิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งแต่ทาง Samsung ไม่ให้มาก็คือคู่มือการใช้งาน ให้เพียงแต่ Quick Start และในแผ่น CD ก็ไม่มีไฟล์ Manual แบบ PDF ให้มาด้วย ผมลองไปโหลดจากเว็บ Samsung มาก็พบว่า คู่มือไม่ค่อยละเอียดเลย ถ้าเป็นมือใหม่สงสัย ต้องเหนื่อยกันหน่อย แต่ผมเชื่อว่าหลังจากเครื่องออกไม่นานรับรองว่ามีคนทำคู่มือภาษาไทยออกมาขายแน่นอน ก็หวังว่าคุณ วิโรจน์ เว็บ Smart-mobile.com อาจจะเขียนเรื่องตัวนี้ก็ได้ เพราะรับรองเขียนกันมันส์แน่ มันมีลูกเล่นเพียบให้เขียนกันแบบเต็มๆ ตัวเครื่องรุ่นนี้จะมีหน้าตาหุ่นทรวดทรงคล้ายๆกับ iPhone ซึ่งหากจะบอกว่าเลียนแบบมาจาก iPhone หรือเปล่านั้น? ผมขอเรียกว่ามันเอาแรงบันดาลใจ ตามกระแส iPhone ดีกว่า ตัวเครื่องเป็นพลาสติกทั้งตัว ออกแบบได้เนี๊ยบมากครับ ตัวเครื่องเป็นสีเงินรมดำ ผมลองใช้มาสองสามอาทิตย์ เวลาใส่กระเป๋ากางเกงโดนกุญแจขูดขีดเป็นรอยขนแมวบ้างเล็กน้อย แนะนำว่าให้ใส่ซองหนังหรือซิลิโคนเคสน่าจะดีกว่า การออกแบบเครื่องรุ่นนี้มาแนวแบบเรียบๆง่ายๆ ปุ่มค่อนข้างน้อยกว่าปกติ ไม่มีปุ่ม Softkey ด้านหน้า มีเพียงปุ่มรับสายวางสาย และปุ่มควบคุมแบบ Optical Joystick ซึ่งจะเป็นระบบสัมผัส แต่สามารถกดลงไปได้เพื่อใช้คำสั่ง Enter หรือ OK ด้านข้างทางขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มทั้งหมด สี่ปุ่ม ในภาพต้องขอโทษด้วยครับวางกลับหัวไปหน่อย ปุ่มบนสุดคือปุ่ม กดเรียกเมนูโปรแกรม ล๊อนเชอร์ของเครื่อง และถัดมาก็คือปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มถ่ายภาพสีแดงด้านล่างสุด ปุ่มของเครื่องรุ่นนี้เราสามารถเลือกตั้งได้ตามใจชอบนะครับ โดยแต่ละปุ่มสามารถสั่งได้สองคำสั่ง เช่นกดค้าง หรือกดทีเดียว จะสามารถตั้งโปรแกรมเมนูต่างกันได้ เช่นอย่างปุ่ม ชัตเตอร์ถ่ายภาพ ถ้ากดทีเดียวก็เป็นการเปิดโปรแกรม Media Album ของเครื่องแต่ถ้ากดค้างก็จะเป็นการเปิดโปรแกรมถ่ายภาพ ส่วนทางซ้ายมือของเครื่อง ด้านบนสุดเป็นสายคล้อง Stylus ครับ เพราะว่าเครื่องรุ่นนี้ทำแหวกแนว เอา Stylus มาไว้ด้านนอกเป็นลักษณะสายคล้องแทน ซึ่งผมเองไม่ค่อยชอบตรงจุดนี้เท่าไรนัก มันห้องต่องแต่งเกะกะเหมือนกัน แต่หากเป็นสุภาพสตรีก็คงจะชอบเพราะมันน่ารักดีนะ ส่วนด้านล่างเป็นช่อง Connector ของเครื่อง ดดยจะใช้สายฌฉพาะของทาง Samsung เองไม่ใช่แบบ Mini USB แบบที่เคยเห็นกัน และสายในเครื่องรุ่น i780 ก็สามารถใช้งานร่วมได้ครับ ตรงจุดนี้ผมว่าหากใครเคยใช้เครื่อง Samsung มาก่อนก็เอาอุปกรร์เก่ามาใช้ได้ แต่กรณีใช้เครื่อง PDA Phone แบบอื่นๆที่เป็น mini USB ทำให้อุปกรณ์เก่าๆไม่สามารถนำมาใช้งานร่วมได้ หน้าตาของ Connector เขาหละครับ เผอิญในชุดไม่มีสาย TV Out ให้มาด้วย ต้องซื้อเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งจะเอาสายรุ่นอื่นมาใช้ร่วมก็ไม่ได้ ในการทดสอบของผมครั้งนี้เลยต้องขอข้ามเรื่อง TV out ไปก่อนเพราะพยายามหาสายแล้วไม่ได้ แต่จากข้อมูลของคุณ Seiyu ที่มาโพสในเว็บเผอิญแกได้สาย TV Out ที่แถมมากับเครื่องในช่วงเปิดตัว ก็ให้ความเห็นว่าเวลาต่อออก TV แล้วชัดแจ๋วเลยครับ ด้านล่างเรียสนิทครับ มีเพียงช่องไมโครโฟนสำรหับรับเสียงสนทนา ปุ่มเปิดปิดเครื่องจะอยู่ด้านบน มันทำขนาดเล็กไปหน่อย และเรียบไปกับตัวเครื่องเวลากดต้องเอานิ้วจิกแทน ส่วนด้านข้างที่เห็นเป็นรูนั้นก็คือ รู Reset ของเครื่องนั่นเอง ตอนแรกผมหาตั้งนานว่ารู Reset มันไปอยู่ที่ไหนกันนะ อ้อ!! มาอยู่ด้านบนนี้เอง รูนี้รับรองว่าใครใช้เครื่อง PDA Phone แบบ Windows mobile ยังไงรับรองได้ใช้บริการจิ้มรูนี้แน่นอน แต่การใช้งานของผมมาตลอดหลายๆอาทิตย์ ก็ Reset ไปไม่กี่ครั้งเองครับ เครื่องค่อนข้างเสถียรดีมาก แม้ ROM จะเป็นคนละตัวกับเครื่องที่ขายในเมืองไทย ซึ่งจะให้ ROM ที่ดีกว่า ในภาพด้านบนเป็นตัว Stylus นะครับไม่ใช่ดินสอเขียนคิ้ว เพื่อนผมมาเจอคิดว่าใครเอาดินสอเขียนคิ้วมาห้อย ดูแล้วก็สวยดีเขียนถนัด แต่มันดูแต๋วๆไปหน่อยนะผมว่า ขนาดแท่ง Stylus ค่อนข้างใหญ่ จับถนัดมือดีครับ มันเป็น Stylus แบบเสาอากาศสามารถยืดหดได้ แต่ดึงออกจากปลอกค่อนข้างลำบากสักหน่อยเพราะมันแน่นมากเลย แต่เรื่องน้ำหนักและการเขียนค่อนข้างมันส์ เพราะมันจับถนัดดีครับ แต่เบื่อตรงที่ต้องเอามาห้อยข้างนอกแบบนี้มันเกะกะมากทีเดียว ใช้แรกๆก็ไม่รู้สึกอะไร พอใช้ไปใช้มามีอาการรำคาญบ้างเล็กน้อย เพราะนิสัยผมเองชอบอะไรที่เก็บเป็นระเบียบมากกว่า ลำโพงโทรศัพท์จะอยู่ด้านหน้าครับ และที่แปลกก็คือลำโพงของการทำงานเครื่องทั้งหมดก็อยู่ด้านนี้เช่นกัน ซึ่งปกติเราจะเห็นมันแยกกันอยู่ แต่เรื่องคุณภาพความดังของเสียงลำโพงก็ดังสะใจมากครับ และเวลาวางเครื่องบนโต๊ะก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะแนบติดพื้นโต๊ะจนปิดลำโพง และในส่วนนี้จะมี Sensor แสงอยู่ภายในด้วย ส่วนด้านข้างลำโพงเป็นกล้อง สำหรับ Video Call การใช้งานในระบบ 3G ซึ่งบ้านเราก็คงจะอีกนานทีเดียว กล้องตัวนี้ไม่สามารถใช้ถ่ายภาพได้นะครับ บริเวณด้านหลังเป็นลักษณะ อลูมิเนียมบรัช เรียบไปทั้งแผ่น ซึ่งไม่มีตุ่มรองกันรอยใดๆทั้งสิ้น เวลาวางบนพื้นโต๊ะคงต้องหาอะไรมารองกันสักหน่อยกันเป็นรอย ตัวฝาเครื่องเป็นพลาสติกทั้งชิ้น แต่หุ้มด้วยอลูมิเนียมบรัช การปิดฝาให้เลื่อนลงด้านล่าง เผยโฉมครับภายในเครื่อง เครื่องรุ่นนี้ฝากับตัวเครื่องจะแยกชิ้นกันคนละส่วน เรื่องของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ขนาด 1440 mAh ซึ่งในกล่องจะแถมแบตเตอรี่ให้มาเพียงก้อนเดียวเท่านั้น ซึ่งขนาดแบตเตอรี่ก็ค่อนข้างเล็ก ในตอนแรกผมเองก็กังวลครับว่ามันจะรอดไหมเนี่ย เพราะหน้าจอก็ใหญ่มากทีเดียว ในการทดสอบของผมนั้นผมปิดการทำงานระบบสั่นทั้งหมดไว้ก่อน เพราะเครื่องรุ่นนี้มีลูกเล่นพิเศษที่หลายๆคนต้องชอบก็คือมันจะสั่นได้ เวลากดปุ่มต่างๆเพื่อเป็น Feed back ตอบสนองให้เรารู้ ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นอีกปัจจัยที่กินไฟเหมือนกันผมเลยปิดมันไว้ก่อน ในการทดสอบของผมนั้น ผมพบว่ามันสามารถใช้งานแบบปกติได้ สองวันสบายๆ ผมลองทดสอบสอบชาร์จไฟจนเต็มตั้งแต่เช้าวันศุกร์ และมีการใช้งานตามปกติ มีการเปิด GPS และ WiFi บ้างเล็กน้อย มีการพูดคุยโทรศัพท์ตลอดทั้งวัน และใช้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีการแจ้งเตือน ซึ่งการแจ้งเตือนว่าแบตเตอรี่หมดนั้นมันแจ้งเตือนผมตอนประมาณเที่ยงของวันอาทิตย์ ซึ่งหากนับรวมๆแล้วผมว่า แบตเตอรี่รุ่นนี้อึดมากครับ เพราะทรัพยากรและลุกเล่นของเครื่องมากมายขนาดนี้แต่สามารถใช้งานได้นานหลายวัน ตามสเปคแล้วเครื่องรุ่นนี้สามารถ Standby ได้นานถึง 500 ชมและสามารถพูดคุยต่อเนื่องได้นานถึง 6 ชม ดังนั้นเรื่องของแบตเตอรี่ของ ออมเนีย ผมให้เกรด B+ ไปแบบสบายๆ เลย สำหรับการถอดเปลี่ยน SIM หรือ CARD นั้นจะต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อนนะครับ และนี่แหละก็คือข้อเสียของเครื่องรุ่นนี้ ที่ทำให้หลายๆคนไม่ชอบ แต่หากเป็นเครื่องรุ่นของผม 16 GB ผมแทบจะไม่ต้องไปพึ่งพา Card อีกต่อไปเลย กล้องด้านหลัง 5 ล้านพิกเซลครับ พร้อมออโตโฟกัส สำหรับเรื่องกล้อง เดี๋ยวจะว่ากันอย่างละเอียดในส่วนต่อไปนะครับ สำหรับ Flash ในเครื่องรุ่นนี้สามารถใช้งานเป็นไฟฉายได้ด้วย ไฟสว่างจ้า มาก ขอย้ำครับว่าสว่างจริงๆ สามารถใช้งานแทนไฟฉายจริงๆได้เลยครับ ปุ่มด้านหน้ามีเพียงสามปุ่มก็คือ ปุ่มรับสาย วางสายและปุ่มควบคุมแบบ optical joystick ซึ่งเรามักจะเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้วในเครื่องรุ่น i780 ก่อนหน้านี้ โดยปุ่มควบคุมแบบนี้ผมใช้แรกๆไม่ค่อยถนัดแต่ใช้ไปมาก็โอเคครับ ไม่ลำบากอะไรมาก แต่เอามาเล่นเกมส์คงจะลำบาก ปุ่มตรงกลางสามารถเลือกควบคุมได้สองโหมด คือแบบใช้ Mouse เลื่อนบนหน้าจอ หรือจะใช้ควบคุมแบบ Scroll แทน D PAD แบบเดิมๆ แต่ปุ่มมันสามารถกดลงเพื่อทำการยืนยัน หรือคำสั่ง Enter ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามความรู้สึกในการใช้งานของผมนั้น ผมก็ยังคงติดใจการทำงานในรูปแบบปุ่ม 5 ทิศทางแบบปกติ เพราะการเลื่อน Scroll ขึ้น หรือลง สามารถทำได้ง่ายกว่าใช้นิ้วลูบ หน้าจอสุดแปลก เครื่องรุ่นนี้หน้าจอมันจะแปลกว่าที่เราเคยๆเห็นกันมาครับ เป็นหน้าจอทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบแนวตั้ง โดยมี Sonsor ช่วยกลับหน้าจออยู่ภายใน และสำหรับตัว Sensor นั้นมันจะต่างกับของ HTC Touch diamond ตรงที่มันสามารถกลับหน้าจอได้แทบทุกโปรแกรมที่เราใช้งานอยู่ แม้แต่ Today Screen ก็ตาม ความไวของหน้าจอสามารถตั้งความไวได้ และสามารถ Mute เสียงเรียกเข้าได้หากเราคว่ำหน้าตัวเครื่องลง คล้ายๆกับของ HTC Touch Diamond ขนาดหน้าจอเครื่องรุ่นนี้เป็นขนาดหน้าจอที่พิสดารกว่าปกติเพราะเป็น WQVGA ไม่ใช่ VGA แบบ Touch Diamond โดยมีความละเอียดหน้าจอที่ 240x400 pixels บนขนาดหน้าจอที่ 3.2 นิ้ว การแสดงผลหน้าจอค่อนข้างละเอียดและสวยงามมากทีเดียว ผมว่าแทบจะไม่แพ้หน้าจอ VGA เลยก็ว่าได้ แต่หากเทียบกับ Touch Dimond การมองในกลางแจ้งยังสู้ของ Touch Diamond ไม่ได้ครับ การแสดงสีของ ออมเนีย จะอยู่ที่ 65 K และด้วยความพิสดารของหน้าจอ เลยทำให้ผมต้องลองทดสอบกับโปรแกรมหลายๆตัว ดูว่าจะมีผลอยางไรบ้าง ซึ่งก็ปรากฎว่า ในบางโปรแกรมจะมีผลด้านการแสดงผล ซึ่งไม่สามารถแสดงผลได้เต็มจอ แต่เท่าที่ลองๆกับโปรแกรมดังๆหลายตัวก็พบปัญหาบ้างแต่ไม่มาก ด้วยลักษณะหน้าจอแบบนี้ สิ่งที่ผมชอบก็คือการดูหนังบนเครื่องรุ่นนี้ มันสามารถแสดงผลในแบบ โหมด 16:9 ได้สบายๆ และการเข้าดูเว็บไซด์ต่างๆก็ดูสบายตาขึ้นด้วย และที่สำคัญเรื่องแผนที่นำทาง สามารถดูได้แบบจอกว้างเลยครับ แจ่มจริงๆ แต่โปรแกรมแผนที่เป็นตัวไหนนั้นผมขอไม่พูดถึงก็แล้วกัน แต่ไม่ใช่ iGO แน่นอน เพราะ iGO ภาพไม่เต็มจอครับ ในเครื่องเวอร์ชั่นที่ขายในไทย จะให้โปรแกรมแผนที่ที่ชื่อว่า Route 66 แถมมาให้ฟรี ซึ่งความละเอียดก็พอไปวัดไปวาได้ Home Screen แบบที่สอง Home Screen แบบ Widget หน้าจอโปรแกรมเครื่องรุ่นนี้เลือการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ อาจจะตั้งเป็นแบบ Touch Wiz ที่เป็น Widget ก็ได้ โดยลาก icon ด้านข้างมาแสดงผลบนหน้าจอ หรือจะเลื่อนเก็บก็ได้ แถบเมนูด้านข้างสามารถใช้นิ้วเลื่อนสไลด์ได้ด้วย และในภาพด้านบนก็คืออีกหน้าจอหนึ่งซึ่งเราสามารถ set เองได้ ซึ่งเป็นหน้าย่อยในการเลือกแบบ Widget หูฟังที่แถมมาให้คุณภาพเสียงพอไปวัดไปวาครับ จริงๆแล้วแทบไม่ต้องไปเปลี่ยนหูฟังอันอื่นเลย แต่หากอยากเปลี่ยนไปลองใช้แบบอื่นก็ยังคงสามารถเปลี่ยนได้ครับ หูฟังรุ่นนี้ตรงส่วนของ Remote สามารถนำเอาหูฟังตัวอื่นที่เป็น Jack แบบ 3.5 mm มาเสียบเพิ่มต่อได้ ประสิทธิภาพการทำงาน การทำงานของ ออมเนีย เป็นที่กังขามาช้านาน ว่าเร็วจริงหรือไม่ เพราะเว็บบางแห่งก็บอกว่ามันทำงานช้า ซึ่งในการทดสอบและลองใช้ด้วยตนเอง CPU ระดับ 624 MHz หากจะว่าช้าคงไม่น่าจะใช่ครับ ปัญหาก็คือหากมีโปรแกรมทำงานพร้อมๆกันหลายตัวมันย่อมหน่วงเครื่องให้อืดตามไป ซึ่งเว็บไซด์ในต่างประเทศบางแห่งก็ออกมายืนยันในความผิดพลาดแล้วว่า เพราะเค้าลืมดูว่ามันมีโปรแกรมทำงานพร้อมๆหกันหลายตัวเลยทำให้เครื่องอืดลงไป สำหรับการทดสอบของผมเอง ผมค่อนข้างประทับใจในความเร็วของเครื่องรุ่นนี้มากครับ ต้องบอกว่ามันทำงานเร็วทันใจจริงๆครับ โปรแกรม Task Manager ในเครื่องที่ให้มาไม่ค่อยดีเท่าไร ปิดโปรแกรมค่อนข้างยาก หากเทียบกับของทาง HTC แล้วโปรแกรม Task manager ของทาง HTC ประสิทธิภาพดีกว่าเยอะครับ เครื่องรุ่นนี้ใช้ RAM ขนาด 128 MB ทำงานได้คล่องตัวมากทีเดียว ประสืทธิภาพการทำงานเท่าที่ผมทดสอบมา การเล่นมัลติมิเดีย ไฟล์หนังก็ราบรื่นดีไม่มีกระตุก แต่หากเล่นไฟลืหนังแบบ HD ซึ่งใช้โปรแกรม DivX มาเปิดดูในเครื่อง ภาพจะกระตุกค่อนข้างมาก แต่หากมองในการใช้งานทั่วๆไปเครื่องรุ่นนี้จัดว่าเป็นเครื่องที่ทำงานเร็วมากครับ ไม่มีอืดแน่นอน และ ROM ตัวที่ผมใช้ยังเป็นตัวเก่าอยู่ และคาดว่าของในเมืองไทยน่าจะทำงานเร็วกว่า ROM ของผมเสียอีก Memory ในเครื่องครับ หน่วยความจำในเครื่องแบ่งเป็น สามส่วน คือในส่วนของ Device ที่เป็น ROM และ MY Storage อีก 16 GB ตามมาด้วย Storage card ตามแต่ที่เราเลือกขนาดเพราะเครื่องรุ่นนี้สามารถรองรับ Card ความจุสูงได้ด้วย เรื่องประสิทธิภาพความเร็วลองดูจากกราฟเปรียบเทียบด้านล่างดูได้เลยครับ เร็วหรือไม่นั้นตามมาดูกันเลย ประสิทธิภาพการทำงานของ GPS ในเครื่องรุ่นนี้ แผนที่ที่ผมได้มาคือแผนที่ของประเทศสิงคโปร์ครับ แต่ในเมืองไทยทาง ซัมซุง เค้าจะให้แผนที่ตัว Route 66 แถมมาให้ฟรี ซึ่งประสิทธิภาพของ Route 66 ที่ผมเคยใช้มา ในเขตกรุงเทพก็ละเอียดพอไหว การนำทางค่อนข้างแม่น แต่ POI น้อยไปหน่อย หากไปรอบๆกรุงเทพจะสังเกตได้ว่าไม่ค่อยเจอ POI เท่าไรนัก สำหรับตัวประสิทธิภาพการรับสัญญาณของชิพ GPS ในเครื่องนั้น ในตอนแรกที่ผมได้เครื่องมาหลังจากลงแผนที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่ารอตั้งนานก็หาดาวเทียมไม่เจอ เลยต้องใช้วิธีเข้าไปที่ Settings เลือกเป็น Enhanced GPS เพื่อ Download ข้อมูลกำหนดตำแหน่งช่วยมันหน่อยโดยผ่านทาง GPRS หลังจากนั้นก็ปิดมันไว้ แล้วมาลองกับโปรแกรมแผนที่อีกครั้ง ในการใช้ครั้งแรกจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ก็จะมีขีดระดับโชวืมาค่อนข้างเต็มพิกัด หลังจากนั้นครั้งต่อๆไปก็จะเร็วขึ้นเยอะ ประมาณไม่เกิน 2 นาทีก็จับสัญญาณดาวเทียมได้ครบ การรับสัญญาณค่อนข้างดีมากครับ จับได้ไวมากทีเดียว แต่ตัวแผนที่ที่ผมทดสอบนั้นขอไม่บอกก็แล้วกันว่าใช้ของอะไร แต่เชื่อว่าหลายๆคนในที่นี้ก็ทราบดีว่าผมใช้ของอะไร ใช่ไหมครับ อิอิ เรื่องของกล้อง เรื่องของกล้องในเครื่องรุ่นนี้ และเรื่องโปรแกรมเกี่ยวกับภาพถ่ายต่างๆในเครื่องมาเล่าสู่กันฟังก่อนก็แล้วกัน เพราะเรื่องมันย๊าววว ยาวว แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็มีภาพประกอบไปเกือบๆ 40 ภาพแล้ว และก็เป็นเรื่องที่หลายๆคนสงสัยว่า กล้อง 5 ล้านพิกเซลในเครื่องรุ่นนี้มันดีแค่ไหนกันนะ แต่บอกก่อนครับว่า บทความวันนี้ควรอ่านให้จบ เพราะมันมีเรื่องน่าสนุกและน่าสนใจตั้งแต่ต้นจนจบเลยหละครับ ไปดูคุณภาพของภาพถ่ายเครื่องรุ่นนี้ก่อนดีกว่า (ภาพในแบบพาโนรามา ) มาดูโปรแกรม Camera กันก่อน เราลองมาดูโปรแกรมกล้อง หรือโปรแกรม Camera ในเครื่องรุ่นนี้กันก่อนดีกว่านะครับ โปรแกรมกล้องรุ่นนี้มีการใช้งานค่อนข้างง่าย แต่ปรับแต่งได้มากพอสมควร กล้องสามารถถ่ายได้เพียงสองโหมดเท่านั้น คือ โหมดภาพถ่าย กับโหมด VDO ซึ่งจะน้อยกว่าของ HTC ที่สามารถถ่ายแบบต่อเชื่อมกับ GPS ได้ด้วย กล้องด้านหน้าไม่สามารถใช้ถ่ายรูปได้ เอาไว้แค่ใช้งานใน Video Call ของระบบ 3G เท่านั้น ผมจะไล่ให้ดูทีละเมนูเลยก็แล้วกันจะได้กระจ่าง เคลียๆหายสงสัย เมนูแรกก็คือเรื่องโหมดการถ่ายภาพ หรือ Shooting Mode ในแบบการถ่ายภาพนิ่ง สามารถเลือกได้หลายแบบ ทั้งถ่ายทีละภาพและถ่ายต่อเนื่อง และที่น่าสนใจ เล่นเอาผมตาค้างไปพักใหญ่ก็คือโหมดของ Panorama มันเจ๋งสุดๆๆ คือมันจะใช้ Sensor ตัวจับความเคลื่อนไหวเป็นตัวช่วย เวลาเราถ่ายภาพแรกปุ๊บ ก็เลื่อนมุมกล้องไปด้านข้างเพื่อจะได้ถ่ายแบบ 360 องศา พอขณะเลื่อนไป Motion sensor จะจับความเคลื่อนไหวและตีกรอบให้ เหมือนเวลาเล่นเกมส์เครื่องบินรบ จะมีศูนย์เล็งให้ และเมื่อภาพต่อเนื่องกันแล้วมันก็จะถ่ายให้เองอัตโนมัติ สรุปเพียงแค่เราหมุนกล้องไปรอบๆ มันก็จะทำการถ่ายภาพ พาโนรามาให้เอง โดยไม่ต้องเล็งเอง มันจะเชื่อมขอบภาพต่อให้เองแบบสุดเนียนอัตโนมัติ การปรับแต่งสามารถปรับรูปแบบการถ่ายได้ ตามสภาวะแวดล้อม โดยมีให้เลือกกันเพียบเลยตามภาพด้านล่างนี้ ในภาพด้านล่างเป็นการปรับความละเอียดภาพ เลือกจะให้ Flash ทำงานก็ได้ มีมาโครให้ด้วย ระยะมาโครเท่าที่ลองดูประมาณ 10 ซม ครับ สามารถปรับชดเชยแสงสว่างได้เพื่อความคมชัด พอถ่ายเสร็จจะมี Preview ให้เลือกว่าจะเก็บ หรือลบ หรือว่าจะส่งภาพต่อไปทาง Email หรือ MMS สามารถจัดเก็บเป็น Wall Paper หรือ Caller ID ในภาพด้านล่างคือโหมด พาโนราม่าที่เล่าให้ฟัง พอถ่ายภาพแรกปุ๊บจะมีกรอบ เพียงแต่เราเลื่อนหมุนกล้องไปตามลูกศร พอระดับมันได้มันจะถายให้เองครับ เพราะมันยึดตามโมชั่นเซ็นเซอร์ คล้ายๆพวกไจโร ในเฮลิคอปเตอร์บังคับ แบบนั้นหละครับ มาดูเรื่องของโหมดการถ่าย VDO บ้างครับ การปรับแต่งจะคล้ายๆกับโหมดถ่ายภาพนิ่ง สามรรถบันทึกได้สองแบบตมในภาพด้านล่างนี้ ตั้งความละเอียดการถ่ายได้สามแบบ ในภาพล่างคือเมนู setting ครับ หากถ่าย VDO ในโหมด 640x480 จะเป็นแบบ 15 เฟรมนะครับ เจ๋งดี ถ่าย VDO ยังมีมาโครด้วย มาดูโปรแกรมภาพถ่ายเด็ดๆในเครื่องรุ่นนี้ ในเครื่องรุ่นนี้จะมีโปรแกรมจัดการด้านภาพถ่ายและ VDO ให้มาสี่อย่างคือ 1. Digital Frame โปรแกรมกรอบรูปตั้งโต๊ะพร้อมโชว์เวลา 2. Media Album โปรแกรมจัดการด้านมัลติมิเดียในเครื่อง ตัวนี้เจ๋งมาก 3. Photo slide เอาไว้หลอกสาวๆให้เคลิ้มไปกับภาพถ่ายในเครื่องและเสียงเพลงประกอบ แบบนุ่มนวลชวนฝัน 4. Video Editor โปรแกรมตัดต่อ VDO ได้เลยบนเครื่องรุ่นนี้ แม่เจ้า แน่มาก โปรแกรมแรกที่อยากให้ดูคือ Digital Frame ครับ สามรถเลือกไฟล์ภาพจาก โฟลเดอร์ต่างๆในเครื่องมาแสดง เป็นกรอบรูปดิจิตอล สามารถเลือกสไลด์ได้ดดยกำหนดเวลาได้เอง ออกมาเป็นแบบภาพด้านล่างนี้ครับสวยดีนะ โปรแกรมต่อมา ตัวนี้เด็ดมาก ชื่อว่า media album โปรแกรมนี้ทำเอา สตี๊ฟ จ๊อบส์เกาหัวได้เลยครับ หน้าตาเมนูครั้งแรกเมื่อเข้ามาแบ่งตามชนิดของไฟล์มัลติมิเดีย ตือได้ทั้งภาพนิ่ง VDO และไฟล์เพลง โปรแกรมดูภาพของเครื่องรุ่นนี้ผมว่า เจ๋งกว่า iPhone อีก Samsung คิดเก่งจริงๆ เพราะ Windows mobile ไม่มี Multi Touch การจะ Zoom ภาพจะเอานิ้วมาถ่างออกคงไม่ได้ เค้าเลยมีแถบเอานิ้วเลื่อนได้เลย ไม่ต้องจิ้มกางสองนิ้ว ผมลองใช้แล้วสะดวกกว่า iPhone อีกนะครับ ต้องลองเองแล้วจะรู้ว่า เจ๋งมาก และที่สำคัย เร็วด้วย เลื่อนปุ๊ปซูมปั๊ป ความเร็วไม่แพ้ iPhone เลยหละ ภาพสามรรถเลือกดูได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน หมุนเครื่องแล้วภาพจะกลับให้เอง แบบ iPhone Zoom แล้วครับตามในภาพด้านล่าง สามารถเลือกแบบสไลด์โชว์ได้ด้วย และที่น่าสนใจ เราสามารถใช้นิ้วเลื่อนภาพได้แบบ iPhone เลย ลื่นมาก ไม่มีอาการกระตุกเลย เรื่องความเร็วในการดูภาพ iPhone แบบไหน ออมเนีย แบบนั้นเลย จะว่าก๊อบปี้ iPhone มาก็เอาเถอะ แต่มันดีจริงๆยอมรับเลย เวลา Zoom หากภาพมีขนาดใหญ่ๆ จะใช้เวลา process เพื่อแสดงภาพประมาณ 2 วินาที เอานิ้วปัดเลื่อนเพื่อซูมได้เลย ในภาพล่างเป็นการเลื่อนภาพครับ ปัดไปปัดมา แบบ iPhone มาดูโปรแกรมตัวต่อมาก็คือ Slide Show โปรแกรมนี้เอาไว้หลอกสาวๆได้ดีนัก เพราะมันเป็นโปรแกรมดูภาพสไลด์พรีเซ้นเทชั่นได้เจ๋งมาก เพราะมันมีการเฟดภาพไปมา ซูมนิดๆ ดูแล้วเคลิ้มดีครับ และที่สำคัญมันมีเพลงประกอบด้วย เราสามารถเลือกเพลงมาประกอบได้เอง ชอบมากเลยแบบนี้ เลือกที่ Slide Show แล้วก็นั่งดูได้เลยครับ โปรแกรมจัดการด้านภาพและวีดีโอตัวสุดท้ายก็คือ Video Editor ผมไม่ขออธิบายก็แล้วกัน เพราะมันเยอะมาก อยากให้ไปลองเองดีกว่า หมดแล้วครับสำหรับเรื่องของ กล้องและการจัดการภาพถ่ายต่างๆในเครื่อง สรุปแล้วคุณภาพของกล้องรุ่นนี้ เพื่อนๆว่ามันเป็นอย่างไรหละครับ ลองตัดสินใจดูเองจากภาพตัวอย่างของผมที่นำมาฝากก็แล้วกัน ผมบอกก่อนนะครับผมเองไม่ใช่มือกล้องระดับเซียน แค่งูๆปลาๆ เพราะฉะนั้นหากใครมีความรู้เรื่องในการถ่ายภาพอาจจะได้ภาพที่ดีกว่าผมนะครับ มาดู Setting ของเครื่องที่ตั้งได้แหลก แถบ Personalในส่วนของ Setting ของเครื่องในเครื่อง ออมเนีย บอกได้เลยว่า ยั๊วเยี๊ยะ ครับมันตั้งการทำงานได้เยอะมาก ในหน้าจอ Personal มันมีบางอย่างที่น่าสนใจกว่าปกติ 1. Button เป็นการตั้งปุ่มเครื่องได้หลากหลายแบบ จะต่างกับเครื่องรุ่นทั่วๆไป และในการ unlock เครื่องเองอัตโนมัติ ก็จะอยู่ในการตั้งส่วนนี้ด้วย โดยปกติแล้วการ Lock หน้าจอขณะไม่ใช้งานนั้น เราเพียงแต่ไป set ค่า Device lock ที่ตัว Today ก็ใช้ได้แล้ว แต่ในเครื่องรุ่นนี้ต้องมาปลดในส่วนของ Button นะครับ ใครซื้อเครื่อง ออมเนียมา ต้องเจอปัญหาเครื่อง Lock หน้าจอจนน่ารำคาญแน่นอน ต้องมาแก้ที่นี่ครับ 2.Theme เป็นการตั้ง ธีม เมนูตามใจชอบและตั้งสีของ Text ได้ด้วย 3. Vibe Tonz เป็นการตั้ง Feedback สั่นเวลากดปุ่ม เครื่องรุ่นนี้จะต่างจากเครื่องรุ่นอื่นๆคือเวลากดปุ่มเครื่องสามารถทำให้เครื่องสั่นได้นิดๆเพื่อบอกให้รู้ และสามารถตั้งจังหวะการสั่นได้หลายแบบด้วย ไฮโซมากครับ แถบ Systems มีอะไรแปลกๆได้ลองเยอะครับ 1. Backlight แบบไฮโซ แสดงแถบสีได้เยอะ 2. Enhanced GPS เป็นการ Download ตำแหน่งในการใช้ GPS ซึ่งการใช้งาน GPS ครั้งแรกควรให้มันโหลดก่อนครับ ไม่งั้นจะไม่เจอสัยญาณดาวเทียม 3. Finger mouse เป็นการเปิดโหมดใช้ Mouse แสดงบนหน้าจอ แทนการใช้ Touch Pad ถูไปมา ตรงส่วนของ Optical Joystick หรือปุ่มด้านหน้า 4. Large Display การแสดงแถบเมนุแบบใหญ่ 5. Hard reset แบบเท่ห์ๆๆ สามารถเลือก hard reset ได้ว่าจะ Hard เฉพาะใน Memory เครื่องอย่างเดียว หรือใน My Storage ซึ่งเป็นพื้นที่ Flash memory ขนาดใหญ่ ( 8/16 GB ) หรือ จะ Hard ในส่วน memory card ก็ได้ ถ้าเอาแบบหมดจดก็เลือก Hard reset ทั้งหมดเลยก็ได้ 6. Motion sensor เป็นการตั้งความไวของการกลับหน้าจอเครื่อง และการตั้งว่าจะให้เครื่อง Mute เสียงด้วยการคว่ำหน้าเครื่องขณะมีสายเรียกเข้าหรือไม่ แถบ Connections 1. Browser Conncetion เลือกการเชื่อมต่อขณะเปิด Browser ว่าจะให้เชื่อมต่อแบบไหน Internet หรือ Work 2. Data Call manager การจัดการด้านการโทร 3. USB Connections เป็นการเลือกว่า เมื่อเสียบสายต่อกับ PC จะให้เชื่อมต่อแบบ Active sync หรือจะให้ PC มองว่าเป็น Drive เพิ่มเติม 4. Operator settings เป็นการตั้งค่าการใช้ GPRS อัตโนมัติตาม เครือข่ายผู้ให้บริการ โปรแกรมที่แถมมาให้ในเครื่อง สำหรับในเครื่องรุ่นนี้ให้โปรแกรมเด็ดๆอะไรมาให้บ้างเราจะมาดูกัน 1.เกมส์ 2. Office mobile โปรแกรมพวก Word /Excel/ Power point 3. Activesync 4. Alarms เป็นโปรแกรมตั้งปลุกได้หลากหลายเวลา 5.Calculator โปรแกรมเครื่องคิดเลขมาตราฐาน 6. Call log โปรแกรมคล้ายๆ Call History แต่สามารถใช้นิ้วเลื่อนได้ 7. Camera 8. Contacts 9. Digital Frame โปรแกรมกรอบรูปตั้งโต๊ะ 10. FM radio 11. file explorer 12.Google Launcher โปรแกรมการค้นหา ข้อมูล และเช็ค Gmail แต่ต้องต่อผ่าน GPRS หรือ WiFi 13. Google Maps 14.Internet Explorer 15. Internet Sharing ต่อ Modem ไร้สายกับ Notebook 16. Java 17.Main menu โปรแกรม ล๊อนเชอร์ของเครื่อง 18.Media Album โปรแกรมดูภาพ แบบ iPhone 19. Messenger 20.Notes 21. Photo Slide โปรแกรมดูภาพสไลด์พร้อมเพลงประกอบ หรูมากมาย 22. Pod Cast ฟังวิทยุในแบบ iPod 23. RSS reader 24. Search 25. Smart Converter โปรแกรมแปลงค่าหน่วยต่างๆแบบใช้นิ้ว 26. Streaming Player 27. Task manager 28. Task switcher โปรแกรมเรียกโปรแกรมที่ Run Background มาโชว์ 29. Touch Player โปรแกรมเล่นเพลง ดูหนังแบบ iPOD 30. Video Editor โปรแกรมตัดต่อ VDO เครื่องที่จำหน่ายในเมืองไทยอาจจะมีโปรแกรมแตกต่างจากของผมนะครับ ระบบมัลติมิเดีย การดูหนังในช่วงแรกผมดูด้วยไฟล์มาตราฐาน WMV ด้วยโปรแกรม Windows Media Player ของเครื่อง หนังก็ราบรื่นดีครับ หลังจากนั้นผมไปโหลดหนังตัวอย่างในแบบไฟล์ HD ซึ่งมีขนาด 90 MB เอามาลงในเครื่องแล้วโหลดโปรแกรม Player อย่าง DivX player mobile มาเปิดดู ภาพก็ชัดเจนดีมาก แสดงผลเต็มจอเต็มตา แต่ทว่าไฟล์หนังมันจะกระตุกนิดหน่อย สำหรับโปรแกรมเล่นเพลง ในเครื่องจะมีโปรแกรมที่ชื่อว่า Touch Player แถมมาให้ ซึ่งเราสามารถ จัดเลือกเรียงเพลงตาม album, artist, genre หรือแม้แต่ create custom playlists. การเรียงเพลงตาม album เรายังสามารถใส่ปกเพลงได้อีกด้วยครับ หน้าตาโปรแกรมดูง่ายสบายตา สามารถใช้นิ้วเลื่อนเลือกเมนูต่างๆได้ค่อนข้างสะดวก

อัลบั้มภาพ 84 ภาพ

อัลบั้มภาพ 84 ภาพ ของ รีวิวฉบับสมบูรณ์ของ Samsung i900 Omnia ที่กำลังจะออกขาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook