Apple ซื้อโฆษณา Google เฉียดล้าน!!!

Apple ซื้อโฆษณา Google เฉียดล้าน!!!

Apple ซื้อโฆษณา Google เฉียดล้าน!!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอกสารภายในที่หลุดออกมาจาก Google เผยให้เห็นว่า บริษัทยักษ์ใหญ่หลายๆ รายใช้เงินกับบริการโฆษณา AdWords ของเสิร์ชยักษ์ใหญ่มากน้อยเท่าไร ปรากฎว่า Apple ติดอันดับลูกค้าชั้นดีของ Google คู่รักคู่แค้นด้วย โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Apple ใช้เงินซื้อโฆษณา AdWords เกือบ 1 ล้านเหรียญฯ เลยทีเดียว

เอกสารดังกล่าวได้รับการเผแยพร่โดยหนังสิอพิมพ์โฆษณา AdAge ซึ่งนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของเสิร์ชกับโฆษณาโดยใช้ข้อมูลของ Google ทีครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ทาง Apple แสดงความเห็นต่อข่าวดังกล่าวว่า "มันยังไม่ถึง 1 ล้านเหรียญฯ เลย ซึ่งจะว่าไป มันเป็นเม็ดเงินเท่าๆ กับทีบริษัทผู้ผลิตชิปอย่าง Intel ใช้จ่ายกับเรื่องนี้" 

หากข้อมูลใน เดือนมิถุนายนเป็นค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อเดือนของ Appple นั่นหมายความว่า ทางบริษัทจ่ายเงินเกือบ 12 ล้านเหรียญฯ ให้กับโฆษณาของ Google เสิร์ชเอ็นจิ้นยักษ์ใหญ่ในแทบทุกปีอย่างนั้นหรือ? ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ข้อมูลดังกล่าวยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ในเดือนมิถุนายนมีลูกค้าแค่ 47 รายเท่านั้นที่ใช้เงินซื้อโฆษณา AdWords มากกว่า 1 ล้านเหรียญฯ ส่วนอีก 71 บริษัทจะใช้เงินระหว่าง 500,000 - 1 ล้านเหรียญฯ ในขณะที่อีก 357 บริษัทใช้เงินระหว่าง 100,000 - 500,000 เหรียญฯ และมีประมาณ 1,356 รายทีใช้เงินกับ Google ระหว่าง 10,000 - 100,000 เหรียญฯภายในเดือนเดียว

สำหรับ บริษัทที่ใช้เงินกับ Google AdWords มากที่สุดก็คือ AT&T โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Apple ซึ่งใช้เงินในการผลักดันการเปิดตัว iPhone 4 โดยบริษัทได้ใช้เงินสูงถึง 8.08 ล้านเหรียญฯ ภายในเดือนเดียว ตามรายงานยังระบุอีกว่า AT&T เป็นผู้ใช้โฆษณามากที่สุดเป็นอันดับสามของสหรัฐฯ โดยในปี 2009 ทางบริษัทได้ใช้เงินในการโฆษณาไปทั้งหมด 2.8 พันล้านเหรียญฯ

จาก ข้อมูลที่หลุดออกมายังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า บริษัทยักษ์ใหญ่หลายๆ รายไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากกับ Google แบรนด์อย่าง Disney ที่สตีฟ จอบส์ในฐานะผู้ถือหุ้นหลักก็ใช้เงินกับ AdWords ในเดือนมิถุนายนแค่ 500,000 เหรียญฯ อย่างไรก็ตาม Google ปฏิเสธที่จะให้คอมเมนต์กับข้อมูลตัวเลขที่มีการเผยแพร่ออกมา คงแต่กล่าว เพียงว่า กำลังตรวจสอบหาผู้ที่ทำเอกสารลับของลูกค้าหลุดออกมา เพื่อจะได้ดำเนินการตามฐานความผิดที่เกิดขึ้น

ข้อมูลจาก: MacRumors

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook