iOS 5 เปิดให้"อัพเกรด"ได้แล้ว แต่ว่า

iOS 5 เปิดให้"อัพเกรด"ได้แล้ว แต่ว่า

iOS 5 เปิดให้"อัพเกรด"ได้แล้ว แต่ว่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในที่สุด แอปเปิ้ล (Apple) ก็ได้เปิดให้ผู้ใช้ iPhone หรือ iPad ทั่วโลกได้อัพเกรดระบบปฎิบัติการรุ่นใหม่เป็น iOS 5 ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติการทำงานใหม่มากกว่า 200 รายการ โดย iOS 5 จะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีใช้บริการบนโลกออนไลน์ด้วย...

ในการปรากฎตัวครั้งสุดท้ายต่อหน้าสาธารณชนของ Steve Jobs เมื่อเดือนมิถุนายนในงาน WWDC 2011 เขาได้พูดถึง iCloud ระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ของ Apple สามาารถจัดเก็บสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นตั้งแต่เมสเสจไปจนถึงเพลง และเอกสารไว้บนเซิร์ฟเวอร์หลายๆ ตัวของ Apple ที่เรียกว่า Cloud บนอินเทอร์เน็ต แทนที่จะเก็บไว้ในอุปกรณ์ ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ทุกที่ ทุกเวลา และแม้ว่า อุปกรณ์ iOS ของคุณอาจจะเสียหาย ข้อมูลของคุณก็จะยังอยู่บน Cloud โดยคุณสามารถโหลดมันเข้าใช้งานบนอุปกรณ์ iOS เครื่องใหม่ได้ทันที ทั้งนี้ Apple จะให้สตอเรจฟรีกับผู้ใช้ 5GB นอกจากการใช้บริการ iCloud ที่มาพร้อมกับ iOS 5 แล้ว ยังมีคุณสมบัติการทำงานบางส่วนที่น่าสนใจดังนี้

Notification Center: แหล่ง รวมเมสเสจที่ส่งตรงมาถึงคุณในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป้น อีเมล์ ข้อความต่างๆ เฟซบุ๊ค ข้อความจากระบบเตือนจำ โดย iOS 5 จะรวมทั้งหมดนี้แสดงให้ผู้ใช้ได้เห็นทั้งหมดในที่เดียว

iMessage: ระบบ การส่งข้อความรูปแบบใหม่ผ่าน Wi-Fi แทนการส่ง SMS ที่จะต้องส่งผ่านโครงข่ายสัญญาณมือถือของโอเปอเรเตอร์ ช่วยประหยัดค่า SMS ให้กับผู้ใช้ แต่อาจจะตัดรายได้ของโอเปอเรเตอร์

คุณสมบัติ Reader ในเว็บบราวเซอร์ Safari: สำหรับ ใครที่ต้องการอ่านอีบุ๊คบน iPhone หรือ iPad ด้วย Reader ตัวใหม่ใน Safari จะช่วยให้คุณเห็นหน้าอีบุ๊คเต็มตามากขึ้น เพราะจะมีการตัดอินเตอร์เฟซที่ไม่จำเป็นออกไป อย่างเช่น โฆษณา แท็บของบราวเซอร์ ฯลฯ  

Twitter: ทวิตเตอร์จะเป็นบริการที่ built-in เข้าไปในอินเตอร์เฟซของ iOS 5 เลย ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณสามารถทวีตข้อความได้ตลอดเวลาที่ต้องการ 

Photos: เช่นเดียวกับบริการ Twitter ผู้ใช้สามารถถ่ายรูปในขณะที่กำลังใช้งานทำบางอย่างบน iPhone หรือ iPad ได้ทันทีที่ต้องการ

นอก จากการเพิ่มฟีเจอร์ข้างต้นแล้ว iOS 5 ยังได้รับการปรับแต่งการทำงานให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะการลดจำนวนคลิก และการลากนิ้ว เพื่อทำสิ่งต่างๆ ความจริงก็คือ คุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้มีอยู่แล้วในแอพฯ ที่พัฒนาโดยนักพัฒนาที่ไม่ได้อยู่ใน Apple ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ Android ของ Google แต่ Apple เพิ่งจะพัฒนา และนำมันมาไว้รวมกันใน iOS 5 สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจจะอัพเกรด iPhone 4, iPhone 3GS, iPad และ iPod Touch เป็น iOS 5 ให้เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านทางพอร์ต USB จากนั้นเปิดโปรแกรม iTunes แล้วมองหาไอคอนที่แสดงรูปอุปกรณ์ iOS ของคุณ ซึ่งจะอยู่ทางด้านซ้ายของหน้าจอ แล้วคลิกบนไอคอนดังกล่าว จะปรากฎไดอะล็อกบ๊อกซ์ที่บอกเวอร์ชัน ให้คลิกบนข้อความว่า "Check for Update" จากนั้นทำตามขั้นตอนที่เหลือต่อไป

อย่าง ไรก็ตาม มีรายงานว่า ผู้ใช้บางส่วนต้องเผชิญกับปัญหาการอัพเกรดครั้งนี้ โดยมีการแจ้งข้อความผิดพลาดเป็น Error 3200 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ iTunes พยายามจะกระตุ้นการทำงานของอุปกรณ์ โดยสาเหตุของปัญหาเกิดจากเซิร์ฟเวอร์ของทาง Apple เอง ส่วนวิธีแก้ หลายคนที่ประสบปัญหานี้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้ลองทำใหม่จนกว่าจะได้ สำหรับคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ท่านใดที่ได้มีโอกาสอัพเกรด iOS 5 แล้ว ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง เจอปัญหานี้ หรือไม่ ช่วยบอกกล่าวกันด้วยนะครับ

เว็บไซต์ในข่าว: Apple

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook