ตู้หยอดเหรียญฯ รุ่นใหม่หัวใจ"รักษ์โลก"

ตู้หยอดเหรียญฯ รุ่นใหม่หัวใจ"รักษ์โลก"

ตู้หยอดเหรียญฯ รุ่นใหม่หัวใจ"รักษ์โลก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตู้หยอดเหรียญฯ รุ่นใหม่หัวใจ"รักษ์โลก"

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีตู้หยอดเหรียญฯไว้คอยอำนวยความสะดวกสบายมากที่สุดในโลก เรียกได้ว่ามีให้เห็นแทบทุกถนนหนทาง ข้อเท็จจริงที่คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip อาจจะไม่เคยทราบมาก่อนก็คือ ปัจจุบันญี่ปุ่นมีตู้พวกนี้ทั้งสิ้น 5.5 ล้านตู้ เพื่อรองรับลูกค้ากว่า 127 ล้านรายทั่วประเทศ ครึ่งหนึ่งของตู้ทั้งหมดให้บริการเครื่องดื่ม ใตยณะที่ประมาณ 118,000 ตู้จะจำหน่ายมีดโกน และถุงเท้า แถมยังมีบางตู้ที่ีขายกล้วย และแอปเปิ้ลอีกด้วย

แม้จะฟังดูสะดวกดี เวลาเจอตู้ที่มีสินค้าที่ต้องการก็แค่หยอดเหรียญกดปุ่ม สินค้าที่เลือกก็ร่วงไหลลงมาด้านล่างให้หยิบออกไปบริโภคได้ทันที แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ในกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับ หรือขัดข้อง ตู้หยอดเหรียญจะไม่สามารถให้บริการได้ ซึ่งหากคุณต้องการสินค้าที่อยู่ภายใน มีวิธีเดียวคือ ทุบกระจก - -" แต่ปัญหานี้กำลังจะหมดไป เมื่อบริษัทที่ชื่อว่า Sanden ที่ตระหนักถึงปัญหาดังกล่วา ได้พัฒนาตู้หยอดเหรียญฯรุ่นใหม่ โดยออกแบบให้มันมาพร้อมกับ"แกนหมุน"ที่ให้ลุูกค้าปั่นไฟจนตู้สามารถให้บริการได้...แต่ต้องไม่ลืมหยอดเหรียญค่าสินค้าด้วยนะครับ

จากในรูปคุณผู้อ่านจะเห็นว่า ที่ด้านล่างของตู้จะมีแกนหมุนที่สามารถใช้มือจับ เพื่อหมุนให้มันปั่นไฟฟ้าสำหรับการทำงานของตู้หยอดเหรียญไฮบริดนี้ได้ ซึ่งในกรณีที่ไม่มีไฟฟ้า หรือไฟฟ้าขัดข้อง ลูกค้าจะต้องออกแรงหมุนแกนดังกล่าว 70 รอบ จนกระทั่งไฟสัญญาณสีเขียวกระพริบขึ้นมา เพื่อบอกว่า ตู้พร้อมใช้งานแล้ว โดยลูกค้าสามารถกดสินค้าได้ 6 - 7 ชิ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากการใช้วิธีออกแรงหมุนแกนปั่นไฟสำหรับตู้ของ Sanden แล้ว ก่อนหน้านี้ Coca-Cola ใช้วิธีติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งสะดวกดีเหมือนกัน แต่หากธรรมชาติไม่เป็นใจ แสงแดดไม่มี หรือในยามค่ำคืน แล้วไฟฟ้าเกิดดับกระทันหัน คุณก็ไม่สามารถใช้ตู้ของโค้กได้อยู่ดี ตามรายงานข่าวยังไม่มีการระบุออกมาว่า ตู้แบบนี้จะมีการชาร์จค่าสินค้าเพิ่ม หรือไม่? (เอ่อ...ความจริงน่าจะลดนะ เพราะลูกค้าต้องออกแรง เพื่อให้ได้สินค้าออกไป) เอาเป็นว่า เป็นอีกหนึ่งไอเดียสำหรับ gadget เจ๋งๆ แถมยังรักษ์โลกที่นำมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านในเช้านี้ก็แล้วกันนะครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook